สาธิต บวรสันติสุทธิ์

ข้อมูลจาก คปภ. ณ วันที่ 15 มี.ค. 2565 กรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 มีเบี้ยประกันรับทั้งระบบอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท จำนวนผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความคุ้มครอง 42 ล้านคน ขณะที่ยอดเคลมสินไหมโควิดทั้งระบบอยู่ที่ 52,100 ล้านบาท โดยอัตราการเคลมประกันโควิดเดือน มี.ค.นี้ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 5,000 ล้านบาทต่อเดือน สู่ระดับ 8,000 ล้านบาทต่อเดือน จากก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค. อยู่ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท แล้วยิ่งช่วงวันหยุดยาว สงกรานต์ ก็น่าจะทำให้คนเคลมโควิดกันมากยิ่งขึ้นไปอีก

วันก่อนเห็นรูปนี้ใน face book ก็เลยนึกถึงการบรรยายเรื่องการวางแผนเกษียณที่ชอบพูดถึงเสมอเลยว่า “แก่อย่างไร มีความสุข”

ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี การลงทุนก็ย่อมมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผลิตภัณฑ์การเงินสำหรับหลบความเสี่ยงที่นิยมกันก็คงมี เงินฝาก กับ ประกันชีวิต เพราะทั้งเงินฝากและประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ และยังได้รับการคุ้มครองจากภาครัฐกรณีที่สถาบันการเงิน คือ ธนาคาร หรือ บริษัทประกันชีวิต ถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยจะได้รับการคุ้มครองคนละ 1 ล้านบาท ต่อ สถาบันการเงิน

“รวบแก๊งโกงภาษี ยื่นแบบออนไลน์เป็นเท็จ ขอคืนเงินทำรัฐเสียหาย” ข่าวจาก เดลินิวส์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา โดยพฤติกรรมในการกระทำความผิดคือ ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน จะทำหน้าที่เป็นแม่ข่าย หาลูกค้าผ่านทางสังคมออนไลน์โดยอ้างว่าสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีบุคคลธรรมดาได้ แม้ว่าจะไม่มีสิทธินั้นก็ตาม เมื่อมีผู้สนใจติดต่อมาก็จะชักชวนให้ร่วมกระทำความผิด ด้วยการกรอกข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลที่จะขอคืนภาษีอันเป็นเท็จ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลการผ่อนชำระบ้านพักอาศัย หรือประกันชีวิต เป็นต้น โดยการยื่นผ่านระบบออนไลน์ พร้อมกับตกลงแบ่งผลประโยชน์กัน ตามสัดส่วนที่ได้รับเงินคืน

วันก่อนอ่านบทความเกี่ยวกับกลโกงทางการเงินที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ยิ่งตอนเศรษฐกิจไม่ดี ยิ่งโกงกันเยอะ….กลโกงหนึ่งที่พบ ก็คือ พวกกลุ่มนายทุนที่ทำสัญญาแบบเอาเปรียบ ซึ่งลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่มีที่ดินทำกิน โดยก่อนหน้านี้รูปแบบที่นิยมทำกันมากคือการขายฝาก โดยทำสัญญาไถ่ถอนระยะสั้นส่งผลให้ลูกหนี้ไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนที่คืนได้ทัน ที่ดินซึ่งมีมูลค่ามากกว่าจำนวนเงินที่กู้หลายเท่าจึงตกเป็นของเจ้าหนี้