ความจริงความคิด : รวยด้วยหวย
โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน “พ […]
โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน “พ […]
โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน จา […]
“หนี้นอกระบบ” หมายถึง หนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินกันเองในระหว่างประชาชนด้วยกันโดยไม่ได้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เพราะสะดวกและกู้ได้ง่าย ไม่เหมือนการกู้เงินจากสถาบันการเงินที่ยุ่งยากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยดอกเบี้ยที่แสนโหดอยู่ที่ร้อยละ 5-20 ต่อเดือน หรือคิดเป็นร้อยละ 60-240 ต่อปี เคยเจอบางเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1 ต่อวัน หรือ เท่ากับร้อยละ 365 ต่อปีเลยทีเดียว ในขณะที่หากกู้กับสถาบันการเงินดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 28 ต่อปี
คงจำกันได้นะครับว่าปลายปีที่ผ่านมามีเรื่องวุ่นๆกันมากเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกที่มีกำหนดการบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 แม้ว่าทางรัฐบาลจะประกาศเลื่อนการเสียภาษีจากเดือนเมษายนไปเป็นสิงหาคม แต่ไม่ได้เลื่อนการประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2563
เริ่มปลดล็อคเคอร์ฟิวเพิ่มเรื่อยๆ สะท้านปัญหา Covid 19 ของไทยได้รับการแก้ไขดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นผลจากความเสียสละและความร่วมมือกันของคนไทยทั้งประเทศ แต่อย่างว่าครับ “ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ” หรือ “No free lunch” การเลือกรักษา “คน” ก็ต้องยอมเสียสละการรักษา “เศรษฐกิจ” บางประเทศอย่างไทยเลือกรักษา “คน” แต่บางประเทศเลือกรักษา “เศรษฐกิจ”
ถ้าถามว่าการประเมินอะไรยากที่สุด สำหรับผมที่เคยผ่านประสบการณ์ทำงานจนเกษียณอายุแล้วคงตอบว่า การประเมินคนยากที่สุด จนหลายๆครั้งขอทำงานอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเกี่ยวกับคน เพราะการบริหารคนไม่ใช่ 1 + 1 = 2 แต่ 1 + 1 อาจเป็นอะระก็ได้ จะเป็น 0 ก็ได้ เป็น 1 หรือมากกว่า 1 หรือติดลบเลยก็ได้ อย่างเช่น เราทำดีกับคนๆหนึ่ง ผลที่ได้รับอาจได้ดีตอบ เฉยๆ หรือ ร้ายตอบก็เป็นได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นเป็นคนอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงเราไม่สามารถหนีจากคนได้ และไม่ควรหนีด้วย เพราะเรายังอยู่ในสังคมที่ต้องปฏิสัมพันธ์กันมากมาย ดังเช่นคำพูดที่ว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้” แล้วอย่างนี้ เราจะประเมินคนได้อย่างไรว่า ควรคบคนไหนเป็นเพื่อน คนไหนควรอยู่ห่างๆ
เห็นข่าวรัฐบาลเริ่มปลดล็อคเพิ่มขึ้นเรื่อย ส่วนจำนวนผู้ป่วย covid19 ใหม่ก็น้อยลงไปเยอะจนบางวันไม่มีผู้ป่วยใหม่เลย ก็ดีใจ และสบายใจที่วิกฤติครั้งนี้ผ่านไปแล้ว แต่พอได้เห็นข้อมูลคนตกงาน และรายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสถาบันการเงินต่างๆ ความสบายใจที่เพิ่งได้มาก็เริ่มหายไปพร้อมกับความกังวลเข้ามาแทนที่
อีกแล้ว ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง คงดวงดูตกต่ำมากนะ เพราะมีหลายธนาคารเหลือเกินโทรมาติดต่อเสนอสินเชื่อบุคคลให้ ก็เข้าใจนะว่าสถาบันการเงินก็ต้องหารายได้ น้องๆก็ต้องทำหน้าที่ ทำให้ถึงจะรำคาญก็รำคาญแค่ไหน ก็ไม่คิดที่จะด่าว่าน้องๆ ที่โทรมา แต่ก็อย่างว่านะ เคยถามเหมือนกัน รู้ข้อมูลพี่ได้ยังไง น้องก็ตอบไม่ได้ ทำไงดีที่จะไม่ต้องมาคอยรับโทรศัพท์ขายของจากใครไม่รู้อีกแล้ว แล้วจะมีใครคอยคุ้มครองข้อมูลของเราไม่ให้ใครเอาข้อมูลเราไปใช้ประโยชน์โดยเราไม่ยินยอมได้บ้างนะ
ใครว่าถ้าอยู่ว่างๆ เวลาจะผ่านไปช้า ถ้าจะไม่จริง ก็อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ นับจาก 22 มีนาคม วันเริ่มปิดห้าง ถึงตอนนี้ ก็เผลอแป๊บเดียว ก็ 42 วันแล้ว จำได้ว่าช่วงมีนาคมหลายคนบ่นเจ็บตัวจากหุ้น โดยเฉพาะคนซื้อ RMF, LTF หรือ unit linked บ่นโกรธตัวแทนคนขายกันใหญ่ ยิ่งวันที่ 23 มีนาคมที่ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1024.46 จุด เทียบกับสิ้นปี 62 ที่ 1,579.84 จุด เท่ากับขาดทุน 35.15% เลยทีเดียว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีข่าวจาก สำนักงานประกันสังคมว่า มีเงินพอจ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ประมาณ 7-8 แสนรายเท่านั้น ทำให้เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์ประเด็นดังกล่าวพร้อมตั้งข้อสงสัยกันมากมายว่าเงินหายไปไหน ทำไมถึงมีจ่ายเพียงแค่ 8 แสนคน ทั้งที่แรงงานที่ลงทะเบียนในประกันสังคมมี 11 ล้านคน ถ้าหากทุกคนเกิดมีปัญหาเหมือนกันหมดจะเอาเงินตรงไหนมาจ่าย?