คุยกับเกด

เกศรินทร์ พาราทิพย์เจริญชัย
ผู้เชี่ยวชาญ DW

สถานการณ์โควิด-19 ในยุโรปเริ่มที่จะมีความตึงเครียดอีกครั้งหลังจากยุโรปเริ่มล็อกดาวน์อีกครั้ง และในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงจับตาในเรื่องของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ถึงสถานการณ์ระหว่างทรัมป์และไบเดน

เกศรินทร์ พาราทิพย์เจริญชัย
ผู้เชี่ยวชาญ DW

ตลาดหุ้นติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศ และรวมทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลไทยจะประกาศออกมาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดหุ้นโลก เริ่มดีขึ้นในวันศุกร์ หลังจากตลาดหุ้นยุโรปและอเมริกาปรับตัวขึ้น แม้ว่าทางด้านหุ้นไทยจะมีแรงขายทำกำไร และปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่กระจุกในหุ้นขนาดกลางและเล็ก

เกศรินทร์ พาราทิพย์เจริญชัย
ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าสายงานตราสารอนุพันธ์
บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย)

ปลายสัปดาห์ที่แล้ว SET ปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง โดยมีความกังวลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อในต่างประเทศในจำนวนสูง และยุโปรประกาศจะ lockdown อีกรอบทำให้ความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวต้องล่าช้าออกไป นอกจากนี้ ยังรวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศที่เริ่มมีความกดดันเพิ่มมากขึ้น ทำให้ดัชนีปิดตลาดในวันศุกร์ที่ระดับ 1244.94 จุด

ช่วงนี้ หากไม่พูดถึง TASCO ก็น่าจะเป็นเรื่องแปลก เพราะเป็นหนึ่งในหุ้นที่อยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบจากการปิดโรงกลั่นที่มาเลเซีย หลังยกเลิกการซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา ตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และกดดันให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศไม่ค่อยสดใสนัก โดยดัชนีหลักทรัพย์ หรือ SET Index ปรับตัวลดลงมาปิดที่ระดับ 1279.96 จุด ใกล้กับ Low เก่าที่ทำไว้ที่ 1276.38 จุด นักวิเคราะห์ในประเทศส่วนใหญ่ยังมองว่าตลาดยังมีความกดดัน ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ 2 วันทั้งวันศุกร์และวันจันทร์ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ โดยฝั่งตลาดหุ้นโลกยังผันผวนหนัก หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในสัปดาห์ก่อน แต่กลับเผชิญแรงขายในวันศุกร์ จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น