HoonSmart.com>>ในช่วงนี้ เห็นปรากฎการณ์การเข้าซื้อกิจการ เพื่อครอบงำกิจการหรือเทกโอเวอร์มากขึ้น โดยบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) ตัดสินใจขายหุ้นบริษัท วันทูวัน คอนแทค (OTO) ทั้งหมด 69.18% ในราคาหุ้นละ 2.40 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 465 ล้านบาท ให้แก่ 3 นักลงทุนรายใหญ่ และล่าสุดบริษัทสิงห์ เอสเตท (S) ขายหุ้นทั้งหมด 51.56%ในบริษัท เนอวานา ไดอิ (NVD) เป็นเงินทั้งสิ้น 1,794 ล้านบาท โดยรวมไตรมาส 4 น่าจะเกิดดีลเทกโอเวอร์เพิ่มขึ้น แซงหน้าไตรมาส 3 ไปไกล จากที่มีการทำคำเสนอซื้อเพื่อครอบงำกิจการจำนวน 3 บริษัท มูลค่า 1,469 ล้านบาท เกิดรายการซื้อขายขึ้นจริง 883 ล้านบาท
“นริศ เชยกลิ่น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า เหตุผลในการขายหุ้น NVD ให้แก่กลุ่มสมวัฒนา ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพื่อสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเอง ป้องกันการดำเนินธุรกิจทับซ้อนระหว่างบริษัทและ NVD
“การขายหุ้น NVD นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจที่พักอาศัยให้ครอบคลุมทั้งในด้านของสินค้าและเซกเมนท์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้า ความผันผวนจากสภาวะตลาด และผลกระทบทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างการเติบโตของบริษัทที่ยั่งยืน และส่งมอบผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว”
“วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การขายหุ้น OTO ออกไปเป็นการปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ บริษัทมุ่งเน้นธุกิจหลัก Digital ICT Solutions & Services และธุรกิจด้าน Utilities & Transportations ซึ่งเกี่ยวโยงกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อสร้างความยั่งยืน และโอกาสการเติบโตในระยะยาว
ก่อนหน้านี้ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ส่งบริษัทย่อย ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ไว้ท์กรุ๊ป เพื่อต่อยอดธุรกิจ
นอกจากการเทกโอเวอร์กิจการแล้ว ยังมีการซื้อขายหุ้นบิ๊กล็อตมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะปัจจัยแวดล้อมเป็นใจ
ส่วนหนึ่งคือราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตามภาวะตลาด ทำให้เจ้าของตัดขายหุ้นส่วนหนึ่ง เพื่อต้องการกอดกำไร เก็บเงินสดเข้ากระเป๋า ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ ก็หันมาใช้กลยุทธ์ซื้อหุ้นล็อตใหญ่รวมถึงการซื้อกิจการ เพื่อหาผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ แทนการเทรดหุ้นในตลาดที่หากำไรได้ยากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทบางแห่ง ยังต้องการสภาพคล่อง ในภาวะธุรกิจขาลงหรือส่ายป่านเริ่มตึงตัว เชื่อว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม คงกำลังเจรจากันจนเกือบเข้าด้ายเข้าเข็มแล้ว
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายกิจการ รวมถึงการซื้อหุ้นล็อตใหญ่ สิ่งสำคัญ คือ ราคาจะลงตัวกันได้หรือไม่ เท่านั้นเอง แต่เชื่อว่าภาวะตลาดหุ้นที่คึกคักเกินคาด อาจจะช่วยให้ดีลสำเร็จขึ้นไม่ยาก นักลงทุนต้องส่องให้ดีว่ามีหุ้นตัวไหนที่เคลื่อนไหวผิดปกติ ทั้งราคา และวอลุ่มการซื้อขาย อาจจะตกเป็นเป้าหมายก็เป็นไปได้สูง และไม่ควรทอดทิ้งหุ้นที่เจ้าของขายหุ้นบิ๊กล็อตหลายครั้งแล้วว่าจะไม่ขายอีกรอบ เช่น บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) และ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) เพราะเป็นหุ้นที่มีเสน่ห์ อาจจะเป็นที่หมายปองของนักลงทุนสถาบันก็ได้…
อ่านข่าว