SVI กำไร Q4/62 ต่ำสุดรอบ 15 ไตรมาสฉุดปี 62 วูบ โบรกฯ แนะเลี่ยงลงทุน

HoonSmart.com>> “เอสวีไอ” กำไรสุทธิปี 62 จำนวน 371 ล้านบาท วูบ 53% จากงวดปีก่อน โอดเศรษฐกิจโลกถดถอย เงินบาทแข็งฉุดกำไรขั้นต้นลด มองแนวโน้มปี 63 มุมบวก เดินหน้าขยายธุรกิจยุโรปและเอเชีย ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัสชี้ไตรมาส 4/62 กำไรหดเหลือ 28 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 15 ไตรมาส แนวโน้มยังไม่ฟื้น สภาพคล่องหุ้นลดลงหลังเทนเดอร์หุ้น แนะเลี่ยงลงทุน

บริษัท เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 มีกำไรสุทธิ 371.69 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท ลดลง 53.71% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 802.86 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.37 บาท

ในปี 2562 บริษัทฯ มียอดขายรวม 14,962 ล้านบาท หรือ 483.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อน 648 ล้านบาท หรือ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4.2% ผลจากค่เงินบาทแข็งค่าปี 2562 ถัวเฉลี่ยที่ 30.94 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากปี 2561 เฉลี่ย 30.19 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำให้บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายสำหรับการสื่อสาร สินค้ากลุ่มยานยนต์และขนส่งสาธารณะ และกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ นอกจากนี้้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจเพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหม่ที่สามารถทำให้บริษัทฯ เติบโตในปี 2563

“ปี 2562 ถือเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับบริษัทฯ เนื่องจากผลของเศรษฐกิจโลกถดถอยและค่าเงินบาทแข็ง อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทบันทึกรายได้ใกล้เคียงปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกำไรขั้นต้นได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทตลอดทั้งปี 2562 สำหรับปี 2563 เรายังมีมุมมองการเติบโตในเชิงบวก แต่ก็ยังคำนึงถึงปัจจัยภายนอก โดยเราจะเติบโตไปจากฐานลูกค้าเดิมและสร้างลูกค้าใหม่ในตลาดใหม่ ประกอบกับมีแผนจะขยายธุรกิจในยุโรปและเอเชีย” SVI ระบุ

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า SVI กำไรไตรมาส 4/2562 ออกมาแย่มากมีจำนวน 28 ล้านบาท ลดลง 75% จากไตรมาสก่อนหน้าและลดลง 66% จากงวดปีก่อน ต่ำสุดในรอบ 15 ไตรมาส ทั้งรายได้หด เจอบาทแข็ง อัตรากำไรขั้นต้นเหลือเพียง 4.6%

สำหรับแนวโน้มยังดูไม่ฟื้น และสภาพคล่องซื้อขายหุ้นต่ำลง เพราะ CEO ถือหุ้นเพิ่มเป็น 73% หลัง Tender แนะนำหลีกเลี่ยง

ด้านราคาหุ้น ณ เวลา 11.33 น. อยู่ที่ 3.12 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ -2.50% มูลค่าซื้อขาย 7.30 ล้านบาท