บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางรายอาจจะยังเหนื่อยต่อไปในปี 2563 สำหรับบริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) โดย”สงกรานต์ อิสสระ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ประเมินว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทายของอสังหาริมทรัพย์ ทั่วโลกรวมถึงไทยด้วย แต่เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งปัจจัยแวดล้อมและโมเดลธุรกิจของบริษัท จะสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายและกำไรให้ดียิ่งขึ้น
“สงกรานต์”มีความมั่นใจมากกับสถานการณ์ที่เป็นมิตรต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)มีการบริหารจัดการให้ค่าเงินบาทอยู่ในอัตราที่สมเหตุสมผล จากปีที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าเกินไป ทำให้ “ของทุกอย่างแพง” ส่งออกก็ลำบาก นอกจากนี้ธปท.ยังส่งสัญญาณว่าพร้อมจะปลดล็อกเรื่องมาตรการกำหนดวงเงินการปล่อยสินเชื่อต่อสินทรัพย์ (LTV) ขณะที่เรื่องภาษีสิ่งปลูกสร้างมีความชัดเจนแล้ว เมื่อปลายปีที่ผ่านมาลูกค้าสับสนว่าซื้อคอนโดมิเนียมแล้วจะต้องเสียภาษีอย่างไร เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้ออย่างชัดเจน
กลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่ยังถือว่าเป็นตลาดกลุ่มที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความโดดเด่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สำหรับภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ภูเก็ต ที่ตั้งของโรงแรมศรีพันวา เชื่อว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากภาครัฐอนุมัติมาตรการ“ยกเว้นวีซ่า” แก่นักท่องที่ยวจีนและอินเดีย กำหนดให้พำนักในไทยได้ 15 วัน จนถึงวันที่ 31 ต.ค.2563 รวมถึง “ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าแบบ VoA จำนวน 2,000 บาทต่อคน” จนถึงวันที่ 31 ต.ค.2563
ประเด็นสำคัญที่ทำให้บริษัทชาญอิสสระฯมีผลงานดีขึ้น คือโมเดลธุรกิจ “บริษัทไม่ได้ขายปลีกเพียงอย่างเดียว” เมื่อสร้างหรือพัฒนาโครงการแล้ว มีการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA ) ช่วยสร้างความสมดุลของรายได้ และยังทำให้ผลประกอบการดีขึ้น เช่นเมื่อปี 2562 ได้ขายเงินลงทุนในกองทรัสต์ศรีพันวา มูลค่ากว่า 264 ล้านบาท
ประมาณประมาณปลายปี 2563 ตั้งใจนำ โรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน ในส่วนของเมนโฮเทล และโรงแรมบาบา บีช คลับ ภูเก็ต ขายเข้ากองมูลค่า 1,500 ล้านบาท และ 500 ล้านบาท รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุน SRIPANWA มีมูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทชาญอิสสระฯยังมีจุดแข็งอยู่ที่ “พันธมิตร” ที่ผ่านมา มีการร่วมทุนกับบริษัทใหญ่ๆ เช่น บริษัท สหพัฒนพิบูล และบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล ปัจจุบันถือหุ้น CI แห่งละ 21.12 ล้านหุ้น หรือ 1.98% รวมถึงถือหน่วยลงทุน SRIPANWA บริษัทละ 3.41 ล้านหน่วย คิดเป็น 1.22% ส่งผลดีต่อบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว สามารถเกื้อกูลให้ CI มาก อาทิ มีที่ดินให้บริษัทชาญอิสสระฯพัฒนา และยังเพิ่มช่องทางเครือข่ายมากขึ้น ล่าสุดมีการเชื่อมต่อ ดึง บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS)เข้ามาลงทุน SRIPANWA จำนวน 16.74 ล้านหน่วย คิดเป็น 6% มูลค่า 187.49 ล้านบาทเมื่อเดือนธ.ค. 2562 เพิ่มความแข็งแรงยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมา SRIPANWA มีนักลงทุนสถาบันถือหน่วยลงทุนหลายราย นำโดย สำนักงานประกันสังคม ถือมากที่สุดกว่า 64 ล้านหน่วยหรือ 23.22% รวมถึงบริษัทประกัน อาทิ บริษัท เมืองไทยประกันภัย ลงทุน 12 ล้านหน่วยหรือ 4.44% และบริษัท ทิพยประกันชีวิตถือ 9.90 ล้านหน่วยหรือ 3.55%
” BTS เป็นผู้ลงทุนรายสำคัญ เกื้อหนุนธุรกิจและเพิ่มเครือข่ายมากขึ้น ส่วนโครงการที่สร้างขายทั้งคอนโดฯและรีสอร์ท ก็ดำเนินการตามแผนงาน เปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด พร้อมพัฒนาต่อยอดโครงการในเครืออย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมานอกจากซื้อที่ดินที่ถนนจันทน์แล้ว บริษัทยัง ซื้อที่ดินติดชายหาดบริเวณเขาตะเกียบ หัวหิน เพื่อพัฒนาโครงการเป็นคอนโดมิเนี่ยม ตากอากาศด้วย”สงกรานต์กล่าว
“ดิฐวัฒน์ อิสสระ ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด กล่าวว่า ประมาณเดือนก.พ.นี้ บริษัทเตรียมเปิดพรีเซล ลักชัวรี่คอนโด ” ดิ อิสสระ สาทร” ถนนจันทน์ มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท และประมาณกลางปี เปิดขายคอนโดมิเนียม ตากอากาศ ติดชายหาดเขาตะเกียบ
ภาพรวมของหัวหินยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ อีกทั้งยังมีแรงสนับสนุนแผนการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะช่วยผลักดันภาพรวมการท่องเที่ยวของชะอำ-หัวหิน รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะวิลล่าในพื้นที่ท่องเที่ยว ให้มีความแข็งแรง
นอกจากนี้ในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมกับ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย เปิดสถานีบริการน้ำมัน เชลล์ หัวหินวัน ตั้งอยู่ในอาณาจักรทิวทะเล เอสเตท กม.196 ถนนเพชรเกษม (บ่อเขม) เพื่อให้เป็นจุดพักรถและแหล่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของชะอำ-หัวหิน มีบริการล้างรถหรือ EV Charger รองรับรถยนต์รุ่นใหม่พลังงานไฟฟ้าด้วย
ทั้งนี้ผู้บริหารบริษัทชาญอิสสระฯมีการวางแผนธุรกิจไว้ชัดเจน มีโอกาสสร้างกำไรที่ดีขึ้นในปี 2563 แต่นักลงทุนต้องอย่าลืมว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยง เห็นได้จากในปี 2562 บริษัทหลายแห่งประสบปัญหาการขาดทุน ซึ่งไม่เว้น CI ที่มียอดขาดทุนสุทธิ 293 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรก เพราะกำลังซื้อหดตัว ขณะที่มีสินค้าล้นตลาดในบางประเภท และบางพื้นที่ ต้องรอเวลาอีกระยะหนึ่งในการฟื้นตัว…