MARKET INSIGHT ประจำวันที่ 25-29 พ.ย. 2562
• ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวลดลง หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองกฎหมายสิทธิและประชาธิปไตยฮ่องกง ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ 1) สหรัฐฯ จะหยุดการส่งออกแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ไปยังฮ่องกง ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นอาวุธที่ตำรวจใช้ในการควบคุมกลุ่มปะท้วงในฮ่องกง 2) สหรัฐฯ จะทำการพิจารณาทุกปีว่าฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองเพียงพอจากจีนหรือไม่ เนื่องจากจีนอาจใช้ช่องทางการส่งออกจากฮ่องกงไปสหรัฐฯ เพราะฮ่องกงมีภาษีส่งออกในอัตราที่ถูกกว่า จากการกระทำดังกล่าว ทำให้จีนมองว่าสหรัฐฯ กำลังแทรกแซงการปกครองของจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจรจาการค้า Phase 1 ให้ล่าช้าออกไป และกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
• ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.ของญี่ปุ่นหดตัว -9.2% YoY ต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากผลกระทบสงครามการค้า โดยส่งออกไปสหรัฐฯ หดตัวอยู่ระดับ -11.3% YoY ลดลงจาก -7.9% ในเดือนก่อน ส่งออกไปจีน หดตัวอยู่ระดับ -10.3% YoY ลดลงจาก -6.7% ในเดือนก่อน ส่งออกไป EU หดตัวอยู่ระดับ -8.4% YoY ลดลงจาก -0.5% ในเดือนก่อน และส่งออกไปเกาหลีใต้ หดตัวอยู่ระดับ -23.1% YoY ลดลงจาก -15.9% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจในไตรมาส 4
• ตัวเลขเศรษฐกิจไทย (GDP) ในไตรมาส 3 ยังคงอ่อนแอ แม้ว่าตัวเลข GDP ที่ออกมาขยายตัว 2.4% YoY ซึ่งปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 2.3% จากการส่งออกสุทธิที่กลับมาปรับตัวดีข้ึน อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายภาคเอกชนชะลอตัวลง 0.4% YoY สะท้อนให้เห็นว่าอุปสงค์ในประเทศยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 3% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 450 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล เป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน
• จับตาการประชุม OPEC ในวันที่ 5-7 ธ.ค. คาดว่า OPEC จะยังคงลดกำลังการผลิต แต่อาจจะไม่สามารถลดปริมาณการผลิตเพิ่มกว่านี้ได้ เนื่องจากประเทศในกลุ่มสมาชิกมีสัญญาณความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น รวมถึงหลายประเทศเริ่มถอนตัวจากการเป็นสมาชิก หากเป็นไปตามคาดการณ์ ปัจจัยดังกล่าวอาจกดดันราคาน้ำมันและตลาดหุ้นในอนาคต
• จับตาการเจรจาการค้า Phase 1 ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ภายในปีนี้ โดยคาดว่าสหรัฐฯ จะเลื่อน หรือ ยกเลิกการขึ้นภาษีนำเข้า 15% กับสินค้าจีนกลุ่มมูลค่า 3 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ จากกำหนดการขึ้นภาษีเดิมวันที่ 15 ธ.ค. โดยสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าประเภท Consumer electronics เช่น มือถือ และคอมพิวเตอร์