HoonSmart.com>> SISB เผยโอกาสธุรกิจเปิดกว้างขึ้นหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ รายได้-อัตรากำไรสุทธิดีขึ้น นักเรียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากต่างประเทศ “จีน-ฮ่องกง’ โรงเรียนที่ฝั่งธนบุรีโตเร็ว ซื้อที่ดินขยายห้องเรียน เก็บเกี่ยวเงินประมาณเดือนส.ค. 2564 ส่วนโรงเรียนที่เชียงใหม่เริ่มมีกำไร
นาย ยิว ฮอคโคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี (SISB) เปิดเผยว่า บริษัทมีโอกาสมากขึ้นหลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนใตลาดหลักทรัพย์ ทั้งมีการเสนอขายที่ดิน หรือการควบรวมกิจการ แต่บริษัทต้องใช้เวลาในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการก่อนตัดสินใจลงทุน ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง 72.3%
สำหรับการดำเนินงานมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงเรียนที่ธนบุรี มีการเติบโตเร็วมาก มีการใช้พื้นที่แล้ว 70 % บริษัทตัดสินใจซื้อที่ดิน เพื่อขยายโรงเรียน ตั้งเป้าเพิ่มนักเรียนอีก 600 คน คาดว่าจะสร้างรายได้ในเดือนส.ค. 2564 ส่วนโรงเรียนที่เชียงใหม่ก็ดีขึ้น โดยรวมทำให้กำไรเติบโต และนักเรียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเด็กนักเรียนจากต่างประเทศ มีสัดส่วน 17% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 8% และ 15% มาจากจีนเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ปกครองเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และนักเรียนฮ่องกง ได้รับการติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บริษัทอยากไปทำการตลาดที่ฮ่องกงอีกรอบหนึ่ง
ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 บริษัทมีนักเรียน 2,405 คน หรือเฉลี่ย 63.6% จากที่รองรับได้ทั้งหมด 4,060 คน จึงมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
“ปัจจุบันธุรกิจโรงเรียนนานาชาติมีการเปิดใหม่ มีการแข่งขันสูง แต่บริษัทเปิดมา 18 ปี มีการจับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง ซึ่งเป็นฐานใหญ่ ตั้งราคาเหมาะสม ลูกค้าเข้าถึงได้ และมีหลักสูตรค่อนข้างชัดเจน เน้น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา คุณภาพของนักเรียนดีขึ้นเรื่อยๆ สอบเข้าหมอ ได้ 2 คน และวิศวะด้วย ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศหลายคน และกิจกรรมก็เด่น เช่นกีฬา โดยยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมาย ในการรับเด็กใหม่เพิ่มขึ้น 200 คน “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว
นายศภกร อุณหไพบูลย์ นักลงทุนสัมพันธ์ SISB กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 เติบโตมาจากไตรมาส 2 ซึ่งไตรมาส 3 จะเติบโตดีกว่าทุกไตรมาส ปีนี้หลักๆมาจาก นักเรียนระดับมัธยมและประถมเพิ่มขึ้น เพราะเพิ่งเปิดเทอม มีการเปลี่ยนค่าธรรมเนียมใหม่ มีการซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์ มีรายได้จากกิจกรรมในช่วงปิดเทอม และโรงเรียนที่เชียงใหม่เริ่มมีกำไร 1.6 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าบุคคลากร มีการเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิดีขึ้น เป็น 20.8% จากไตรมาส 2 อยู่ที่ 19.1% และหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยก็ไม่มี เพราะชำระธนาคารหมดแล้วตอนขายหุ้นไอพีโอ
นักวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ยังคงมุมมองบวก ในปี 2563 จะมีการปรับปรุงตึกและห้องเรียนสำหรับนักเรียนชั้นเนอรสเซอรี่ และเพิ่มความจุนักเรียนในระดับชั้นมัธยม คาดเปิดเดือนส.ค.2564 นอกจากนี้หลักสูตร IB สำหรับนักเรียนมัธยมปลาย (G11-G12) เพื่อใช้สำหรับการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ได้รับการอนุญาตแล้วในเดือน ต.ค. 2563 คาดว่าจะเปิดสอนได้ตั้งแต่ ส.ค. 2564 คาดว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการเรียนต่อของระดับมัธยมตอนต้นต่อตอนปลายได้ คงประมาณการและราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 10.90 บาท