ดีบีเอสแนะเก็งกำไร JAS เป้า 9.75 บาท ASP ให้ราคาแค่ 4.50 บาท

HoonSmart.com>>JAS ปรับตัวลงต่อเหลือ 6.15 บาท บล.ดีบีเอสฯแนะซื้อเก็งกำไร รอเก็บปันผล คาดกำไรปีนี้ทะลุ 1.1 หมื่นล้านบาท ส่วนบล.เอเซียพลัสให้ ขาย ราคาเหมาะสมเพียง 4.50 บาท

นักลงทุนยังคงขายหุ้น JAS ราคาอยู่ที่ 6.15 บาท ติดลบ 0.15 บาทหรือ 2.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 1,975 ล้านบาท ณ เวลา 14.40 น. วันที่ 24 ก.ค. 2562

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้น JAS เพราะราคาปรับตัวลงแรงเกินไป ให้ราคาพื้นฐาน 9.78 บาท ประเมินจากธุรกิจหลักพี/อี ปี2562 ที่ 6 เท่า และมูลค่าเงินลงทุน JASIF ที่ราคาพื้นฐาน 11.30 บาท ทั้งนี้ที่ราคาพื้นฐาน คิดอัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้สูงถึง 10.3% ขณะที่บล.โนมูระ พัฒนสินให้ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท บล.เอเซียพลัสแนะนำขาย ให้ราคาเพียง 4.50 บาท  บล.กสิกรไทยให้มูลค่า 6.70 บาท และเงินปันผลพิเศษ 1.744 บาท/หุ้น

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ระบุว่า วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาราคาหุ้น JAS ปรับลงถึง 17% ปิดที่ 6.30 บาท หลังมีข่าวว่าดีลการซื้อกิจการยังไม่เกิดขึ้น จึงมีแรงขายทำกำไร หลังมีการเก็งกำไรจากข่าวนี้ไปก่อนหน้า ส่วนเรื่องมีเงินไปชำระหนี้ 2 หมื่นล้านบาทแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องขายหุ้น ไม่น่าจะจริง เพราะ ณ สิ้นไตรมาส 1/2562 บริษัทมีเงินกู้ที่ก่อให้เกิดดอกเบี้ยจ่าย เพียง 8.3 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนไม่สูงนักที่ระดับ 0.42 เท่า

แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 คาดกำไรสุทธิจะลดลงมาก เพราะฐานปีก่อนกำไรสุทธิสูงถึง 3,600 ล้านบาท มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น JASIF จำนวนมาก แต่หากคิดเฉพาะกำไรหลัก 501 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 470 ล้านบาท  ปรับตัวลงเพียง 6% สาเหตุหลักคือ อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง แต่สัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องจากการแข่งขันในตลาดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นมาก

ส่วนเงินปันผลพิเศษที่สูงยังจูงใจ ราคาขายเฟส 2 ครั้งที่1 ให้กับ JASIF คาดว่าเป็น 3.5 หมื่นล้านบาท สำหรับสินทรัพย์เป็นไฟเบอร์ ออฟติคที่ 6.5 แสนคอร์กิโลเมตรหากอ้างอิงอัตรากำไรที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์เฟส 1 คาดว่ากำไรก่อนและหลังภาษีเป็น 1.16 หมื่นล้านบาท และ 9,200 ล้านบาทตามลำดับ ว จึงยังผลให้กำไรสุทธิปี 2562 สูงไปถึง 1.14  หมื่นล้านบาท โตกระโดดถึง 104% และด้วยอัตราการจ่ายปันผล ที่ 80% จึงคาดว่าเงินปันผลต่อหุ้นสูงเป็น 1 บาท และคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 15.9% คาดว่าจะเป็นลำดับต้นๆใน SET ทั้งนี้มีสมมุติฐานอัตราการจ่ายปันผลที่ใช้ถือว่า อนุรักษ์นิยม เพราะ 2 ปีก่อนหน้าจ่ายในอัตรามากกว่า 100%