HoonSmart.com>>”อนุทิน ชาญวีรกูล” ชี้แจงกรณีกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทยคุมคมนาคม จะไม่ต่อสัญญาสัมภาษณ์ BEM ระบุสัมปทานภาครัฐ จะต้องยึดตามคำสั่งศาล ราคาหุ้นลงต่อ 0.20 บาท จากวันก่อนร่วง 5%
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้รับการคาดหมายว่าจะเข้ามาดูแลงานกระทรวงคมนาคม กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์เมื่อช่วงเช้า ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยมีมารยาทเพียงพอที่จะไม่ก้าวล่วงงานของกระทรวงก่อนได้รับโปรดเกล้าฯเข้ารับตำแหน่ง และขอ”อย่ามโน”กรณีข่าวที่เกี่ยวข้องกับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) จะไม่ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนกับ BEM เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสัมปทานภาครัฐ จะต้องยึดตามคำสั่งศาล
นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลที่จะทำเรื่องดังกล่าว อะไรที่เป็นสัญญา อย่างกรณีของ BEM ที่ติดตามข่าวก็พบว่ามีคำพิพากษาของศาลออกมา ก็ต้องทำตาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่จะเข้ามาลงทุนหรือเป็นคู่สัญญาของรัฐ กรณีข่าวที่ออกมาเพราะมีทีมนักลงทุน กองทุนต่าง ๆ เชิญตนไปบรรยาย ซึ่งก็ได้ชี้แจงว่าภาครัฐต้องระวัง อย่างกรณีคดีการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แม้จะมีการชนะในศาลอาญา แต่ก็ไปแพ้ในศาลปกครอง ดังนั้น หากอยู่ในยุคที่ตนเองเข้ามาดำเนินงานจากนี้ไปหากมีกรณีข้อพิพาทกับคู่สัญญาของรัฐจะต้องมีคำสั่งศาลเท่านั้น ห้ามใช้ดุลยพินิจ
เช้าวันนี้ (13 มิ.ย.) ราคาหุ้น BEM ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง ต่ำสุดที่ 11 บาท ก่อนฟื้นมาซื้อขายที่ 11.20 บาท ปรับตัวลง 0.20 บาท จากวันก่อนร่วงลง 5% หรือลดลง 0.60 บาท มาที่ 11.40 บาท เนื่องจากมีกระแสข่าวกว่านายอนุทิน เปิดเผย ว่าหากได้รับการแต่งตั้งเป็นรมว.คมนาคม จะไม่ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนอีก 30 ปี กับ BEM ประกอบกับมีข่าวประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. โดนปลด และรักษาการประธานสหภาพฯ คนใหม่ มีท่าทีชัดเจนว่าต้องการให้ผู้บริหารกทพ.ทบทวนเรื่องการขยายสัมปทานให้ BEM
ส่วนกรณีที่ครอบครัวของตนถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) นายอนุทินกล่าวว่า นับเป็นคู่แข่งของบริษัทช.การช่าง (CK) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BEM นั้นอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ยืนยันว่าวันนี้ STEC และ CK เป็นพันธมิตรกันในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ดังนั้น จะมาทำลายกันเอง เพื่ออย่างใด และธุรกิจของ BEM ก็ไม่ใช่ธุรกิจของครอบครัวตนเอง เพราะเป็นเรื่องของสัมปทาน ซึ่งบิดาได้สั่งห้ามให้เข้าไปทำสัมปทานกับรัฐ เพราะจะมีความวุ่นวายจากการต่อสัมปทาน แต่ถ้าทำงานรับเหมาก่อสร้าง จะเป็นการทำงานครั้งเดียวแล้วสิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงหลังธุรกิจครอบครัวอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการประมูลงานสัมปทาน เช่น ความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เข้าร่วมประมูลงานรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออกนั้น เท่าที่ทราบเบื้องต้นคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของครอบครัวจะเป็นงานด้านการก่อสร้างเพียงอย่างเดียว ส่วนรายละเอียดไม่ทราบ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่ปี 2547
_________________________________________________________________________________________