HoonSmart.com>>ไทยออยล์ คาดมีกำไรสต็อก สิ้นไตรมาส 1 ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 64 เหรียญ ส่วนโครงการพลังงานสะอาด จะเริ่มก่อสร้างเดือนมิ.ย. ศึกษานำแนฟทามาผลิตปิโตรเพิ่มมูลค่า แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือร่วมกับบริษัทในเครือปตท. ส่วน PTTGC มีแผนผลิตโอเลฟินส์ นำแนฟทามาเป็นวัตถุดิบ
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ (TOP) คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 บริษัทจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปิดสิ้นไตรมาสจะอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปิดสิ้นไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ระดับ 57.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนการดำเนินโครงการพลังงานสะอาด (CFP) มูลค่ากว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน จาก 2.75 แสนบาร์เรล/วันในปัจจุบันนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำแนฟทาที่ได้จากโครงการ CFP ในปริมาณรวม 1 ล้านตัน/ปีมาต่อยอดผลิตเอทิลีนแครกเกอร์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการเอง หรือจะร่วมทุนกับบริษัทในเครือบริษัทปตท. (PTT) เช่น บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บริษัทไออาร์พีซี (IRPC)
CFP คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนมิ.ย.นี้ และแล้วเสร็จในปี 2565 ส่วนแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ 7 หมื่นล้านบาท และมีแผนออกหุ้นกู้อีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3 หมื่นล้านบาท รวม 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย , ภาษี ,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปีละ 700-800 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อหักเงินปันผลและภาษีแล้ว จะเหลือปีละ 300-400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพียงพอต่อการลงทุนโดยไม่ต้องปรับโครงสร้างทางการเงิน
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTTGC กล่าวว่า บริษัทศึกษาร่วมกับบริษัทไทยออยล์ในการนำแนฟทา มาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ยังไม่มีข้อสรุป ปัจจุบันบริษัทกำลังดำเนินโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ นำแนฟทามาเป็นวัตถุดิบ ผลิตเอทิลีน 5 แสนตัน/ปี และโพรพิลีน 2.61 แสนตัน/ปี เพื่อต่อยอดไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมขั้นปลาย