บล.เออีซีจับมือ ‘แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป ลิมเต็ด’ จากนิวซีแลนด์ วางแพลตฟอร์มทางธุรกิจ บล็อกเชน-ฟินเทค รุกดิจิทัล ที่มีบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ 80 แห่ง ใช้บริการอยู่ เพื่อให้คนไทยออกไปลงทุนหุ้นต่างประเทศง่ายขึ้น ต่างชาติซื้อขายหุ้นไทยสะดวก AEC คาดผลดำเนินงานปีนี้พลิกมีกำไรหลังวางกลยุทธ์ใหม่
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เออีซี(AEC)เปิดเผยว่า วันที่ 11 มี.ค. 2562 บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)กับบริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป ลิมิเต็ด เป็นบริษัทจากนิวซีแลนด์ วางแพลตฟอร์มทางธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยีด้านบล็อกเชน และเทคโนโลยีด้านการเงินหรือฟินเทค โดยมีคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมของเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UN-ESCAP) ให้การสนับสนุน ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยทำให้นักลงทุนไทยซื้อขายหุ้นในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น เพราะแพลตฟอร์มของแคปปิตอล กรุ๊ป มีบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศใช้ร่วมกันกว่า 80 แห่ง ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติก็จะซื้อขายหุ้นไทยง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
ประธานจ้าหน้าที่บริหารคาดว่า ผลประกอบการปีนี้จะพลิกมีกำไร หลังจากที่ขายธุรกิจหลักทรัพย์ในส่วนของนักลงทุนรายย่อยออกไป และหันมาเน้นธุรกิจที่ไม่ใช่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ อาทิ ธุรกิจวาณิชธนกิจ โดยมีดีลที่ปรึกษาซื้อขายกิจการทั้งในประเทศ และต่างชาติสนใจมาร่วมลงทุนในไทย ส่วนธุรกิจตราสารหนี้ทำมากขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทขาดทุนสุทธิ 85 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีขาดทุนสะสมอยู่กว่า 100 ล้านบาท เชื่อว่าเมื่อหันมาเน้นกลยุทธ์ใหม่ ทำให้มีโอกาสล้างขาดทุนสะสมได้ในอนาคต
“ปีที่แล้วธุรกิจโบรกเกอร์เราทำเยอะ แต่มีมาร์จิ้นน้อย และมีการแข่งขันกันสูง เราจึงหันไปหาธุรกิจที่ไม่ใช่โบรกเกอร์ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็จะเป็นคนทั่วไป ซึ่งจะกว้างขึ้น ไม่ใช่แค่กลุ่มนักลงทุนเท่านั้น”นายชนะชัย กล่าว
นายปริญญ์ เสถียรปากิรณกรณ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป ลิมิเต็ด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะดำเนินการบนแพลตฟอร์มของแคปปิตอล กรุ๊ป ในหลายลักษณะ ทั้งการให้ความรู้แก่นักศึกษา มีแผนจะไปให้ข้อมูลการลงทุนใน 5 มหาวิทยาลัย เมื่อนักศึกษาสนใจก็สามารถมาเปิดพอร์ตซื้อขายได้ รวมถึงการจัดอบรมแก่ผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ได้นำระบบ Proprietary Trading ซึ่งเหมาะสำหรับผู้สนใจซื้อขายหุ้น แต่ขาดข้อมูลมากพอที่จะเลือกหุ้น จะมีการนำเสนอเทรดเดอร์ต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ก็สามารถลงทุนตามได้ โดย บล.เออีซีจะมีรายได้ประมาณ 5% ของกำไรจากการซื้อขาย
นอกจากนั้นแพลตฟอร์มนี้ยังช่วยผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี เป็นตัวกลางในการหาแหล่งเงินทุน ในรูปของเหรียญโทเคนได้ด้วย