จบมหากาพย์ค่าโง่ทางด่วน ผู้ถือหุ้น BEM รอโหวต 18 มี.ค.อนุมัติให้บริษัทยุติข้อพิพาททั้งหมดกับ กทพ. ได้ขยายเวลาสัญญา 3 สัมปทานมากกว่า 30 ปี บริษัทต้องลงทุนทางด่วนขั้นที่ 2 อีก 31,500 ล้านบาทช่วยแก้ปัญหาจราจร แลกกับหนี้ 1.37 แสนล้านบาท
นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้นำเสนอที่ประชุมวิสามัญในวันที่ 18 มี.ค. 2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯและบริษัทย่อยคือ ทางด่วนกรุงเทพเหนือ ยุติข้อพิพาททั้งหมดกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) โดยมีการทบทวนและแก้ไขสัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 สัญญาเพื่อการต่อขยายโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วนดี) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ซึ่งการยุติข้อพิพาททั้งหมด ตกลงที่จะมีการขยายระยะเวลาสัญญาสัมปทานและให้บริษัทลงทุนปรุงปรุงระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นการได้มาจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
สำหรับการยุติข้อพิพาท กทพ.ตกลงที่จะปรับปรุงแก้ไขสัญญาสัมปทานให้กับบริษัทในหลายประเด็น ได้แก่ การขยายระยะเวลาของสัญญาสัมปทานทั้ง 3 สัญญา จากเดิมที่จะครบกำหนดสัญญาในปี 2563 ปี 2570 และปี 2569 ตามลำดับออกไปสิ้นสุดในวันที่ 21 เม.ย. 2600 อัตราค่าผ่านทางจะมีการปรับเพิ่มขึ้นแบบคงที่ทุกระยะเวลา 10 ปี และการลงทุนก่อสร้างปรับปรุงทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งใช้เงินลงทุนก่อสร้างประมาณ 31,500 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่ติดขัดภายหลังรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ของกทพ.ได้รับความเห็นชอบ
ทั้งนี้มูลค่าสิ่งตอบแทนของการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ รวมมูลค่าประมาณ 137,517 ล้านบาท ส่วนมูลค่าสิ่งตอบแทนของการได้มาของสินทรัพย์จากมูลค่าการก่อสร้างฯ ประมาณ 31,500 ล้านบาท
“ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับบริษัท หลังตกลงยุติข้อพิพาทที่มีต่อกัน ทำให้ความเสี่ยงจากข้อพิพาทตามสัญญาหมดไป หลังจากใช้เวลาดำเนินการระงับข้อพิพาทมานานกว่า 15 ปี และทำให้บริษัทมีความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจให้บริการทางพิเศษ จนถึงปี 2600 ไม่มีความเสี่ยงจากการไม่ได้ต่อระยะเวลาสัญญา ทำให้มีผลประกอบการที่ดีในอนาคต”บริษัทระบุ