ก.ล.ต.เผย 5 เดือน IPO ระดมทุนน้อยกว่าปีก่อน “14 บริษัท”รอขาย-กำลังพิจารณา 10 บริษัท

HoonSmart.com>> ก.ล.ต.เผย 5 เดือนแรกปี 68 ยอด IPO ระดมทุน 4 หลักทรัพย์ มูลค่า 898 ล้านบาท พร้อมขาย 14 หลักทรัพย์ อยู่ระหว่างพิจารณาคำขอ 10 หลักทรัพย์ ขอคำปรึกษาอีก 50 หลักทรัพย์ ภาพรวม IPO ระดมทุนน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภาพรวมตลาดทุนเดือนพ.ค.2568 ว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 มีการระดมทุนเสนอขาย IPO จำนวน 4 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 898.40 ล้านบาท คำขอที่ได้รับอนุญาตและพร้อมเสนอขาย 14 หลักทรัพย์ อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอ 10 อยู่ระหว่าง Pre-consult 50 หลักทรัพย์ ซึ่งมีการระดมทุนน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล มีการระดมทุนจำนวน 1 บริษัท มูลค่า 450 ล้านบาทและอยู่ระหว่างการพิจารณา 1 บริษัท และมีคำขอ ICO อยู่ระหว่าง Pre-consult 4 บริษัท (ผลรวมสะสมการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งสิ้น 4 บริษัท มูลค่า 5,515.23 ล้านบาท)

การระดมทุนผ่าน Crowdfunding ในปี 2568 (1 ม.ค. – 30 เม.ย.68) มีบริษัทที่ดำเนินการสำเร็จแล้ว 96 บริษัท มูลค่ารวม 579.57 ล้านบาท (ผลรวมสะสมระดมทุนผ่าน Crowdfunding มูลค่า 16,837.21 ล้านบาท) การเสนอขายหลักทรัพย์วงแคบขอ 2 บริษัท มีมูลค่า 29.61 ล้านบาท มีผลรวมสะสมจนถึงปัจจุบัน 29 บริษัท มูลค่า 1,332.85 ล้านบาท และการเสนอหุ้นที่ออกใหม่ของ SME จำนวน 1 บริษัท โดยมีมูลค่าเสนอขาย 12.80 ล้านบาท (มีผลรวมสะสม 7 บริษัท มูลค่าเสนอขายรวม 287.50 ล้านบาท)

สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชนมีการออกตราสารหนี้ระยะยาว มูลค่า 267,763.90 ล้านบาท (1 ม.ค. – 30 เม.68) แบ่งเป็นตราสาร Investment Grade 248,673 ล้านบาท
และ High Yield Bond 19,090.90 ล้านบาท ทั้งแต่ต้นปี 68 มีการออกเสนอขาย ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนแล้ว ( 1 ม.ค. – 30 เม.ย.68) จำนวน 2 บริษัท มูลค่า 46,000 ล้านบาท (ผลรวมสะสม 39 บริษัท มูลค่า 947,013.58 ล้านบาท)


สำหรับกองทุนรวม (ม.ค. – พ.ค. 2568) มีการเสนอขาย IPO จำนวน 315 กองทุน มูลค่ารวม 609,284 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการเสนอขายกองทุนรวมประเภทตราสารที่เน้นลงทุนในประเทศสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย

ในปี 2568 ภาคธุรกิจยังคงมีการระดมทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน สำหรับการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ภาคเอกชนออกตราสารหนี้ระยะยาวมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้เงิน