KAsset แนะเริ่มทยอยลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง หลังศาลเบรก “ภาษีนำเข้า” ทรัมป์

HoonSmart.com>>บลจ.กสิกรไทย (KAsset) มองศาลสหรัฐฯ ระงับประธานาธิบดีทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทั่วโลก เหตุไม่มีอำนาจ ผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นเอเชีย-ฟิวเจอร์สหรัฐฯ พุ่ง สะท้อนความหวังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว ด้าน “ทองคำ” ปรับตัวลดลง แนะเริ่มทยอยลงทุน “สินทรัพย์เสี่ยง” เข้าพอร์ต Core – Satellite Port ชี้เป้ากองทุนเด่นจัดพอร์ต

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย (KAsset) เผยมุมมองกรณีศาลสหรัฐฯ ระงับภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอ จากการฟ้องร้องที่นำโดย Liberty Justice Center ในนามของธุรกิจขนาดเล็ก 5 แห่งในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากภาษี โดยศาลการค้าระหว่างประเทศตัดสินว่า อำนาจในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศเป็นของรัฐสภา ไม่ใช่อำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดีว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำให้ “เริ่มทยอยสะสม” เข้า Core-Satellite Port ได้

ทั้งนี้ คำตัดสินนี้ส่งผลกระทบต่อแผนนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะการเก็บภาษีสูงกับประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวยังสามารถยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ได้ คาดเรื่องอาจถูกส่งขึ้นไปถึง Supreme Court

ล่าสุดมีข่าวว่ารัฐบาลทรัมป์ ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแล้ว

ด้านความเคลื่อวไหวตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงตอบรับในเชิงบวก โดยตลาดหุ้นเอเชีย:ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น +1.5% และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ +1.4% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นหลังจากความไม่แน่นอนด้านการค้าลดลง

ด้านฟิวเจอร์สหรัฐฯ: ดัชนี S&P 500 Futures +1.5% และ Nasdaq Futures +1.8% บ่งชี้ถึงความคาดหวังของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: กลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่นและฟรังก์สวิส เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยและหันมาถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.43% เป็น 4.47% สะท้อนถึงการลดลงของความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและความคาดหวังที่ลดลงต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในระยะใกล้

สินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคาทองคำ ลดลงประมาณ 1% มาอยู่ที่ 3,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนราคาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ มาอยู่ที่ 62.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองจากกรณีดังกล่าวต่อการลงทุนว่า สำหรับตลาดหุ้น ถึงแม้ว่าเรื่องภาษี Reciprocal Tariff จะยังทำให้ตลาดหุ้นผันผวนอยู่ โดยทำเนียบขาวยังสามารถยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ได้ และเรื่องอาจถูกส่งขึ้นไปถึง Supreme Court แต่ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงตอบรับในเชิงบวก แสดงถึง sentiment ของนักลงทุนที่ลดความกังวล และผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากเริ่มมีความชัดเจนขึ้นว่า ภาษีตอบโต้จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ (หากยังสามารถบังคับใช้ได้) และตลาดได้รับข่าวไปมากพอสมควร

ส่วนตลาดตราสารหนี้ ในระยะสั้น คาดตลาดตราสารหนี้มีโอกาสปรับตัวผันผวนได้แต่อยู่ในกรอบที่จำกัด

ทั้งนี้ ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามวัฏจักร หากไม่มีนโยบายภาษีทางการค้า ดอกเบี้ยนโยบายก็ยังอยู่ในรอบขาลง ทำให้มีความน่าสนใจในการทยอยสะสม Buy on Correction สำหรับตราสารหนี้ หาก Yield ปรับตัวขึ้นถึงระดับเป้าหมาย

อย่างไรก็ดี หากในที่สุดศาลตัดสินว่าฝ่ายบริหารของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ความกังวลด้านการปรับเพิ่มของเงินเฟ้อจะลดลง ส่งผลให้ภาพรวม Bond Yield ปรับลดลงได้

บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้สามารถเริ่มทยอยลงทุน ในสินทรัพย์เสี่ยงเข้า Core และ Satellite Port ได้ โดยแนะนำกองทุนเด่น ดังนี้

สำหรับ Core Portfolio แนะนำ K-WPBALANCED , K-WPSPEEDUP , K-WPULTIMATE กระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหลายสินทรัพย์และภูมิภาคทั่วโลก พร้อมปรับกลยุทธ์อย่างคล่องตัว

สำหรับ Satellite Portfolio แนะนำ

K-GSELECT กองทุนหุ้นโลก ที่ออกแบบพอร์ตมาให้รองรับทุกสถานการณ์ตลาด

K-INDIA กองทุนหุ้นอินเดีย คุณภาพดี เติบโตสูง

K-PROPI เน้นลงทุนใน REITs ที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

K-FIXED ลงทุนตราสารหนี้ไทยเท่านั้น เน้นหุ้นกู้คุณภาพดี

K-FIXEDPLUS ลงทุนตราสารหนี้ไทย และต่างประเทศบางส่วนใน ETF ตราสารหนี้สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 29 พ.ค.2568 โดย KAsset Investment Strategy