KAsset คาด 1-3 เดือนความผันผวนสูง เน้นสินทรัพย์ปลอดภัย ลดหุ้นเวียดนาม-จีน

HoonSmart.com>> “J.P Morgan Asset Management” มองสถานการณ์ปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง จับตา 9 เม.ย.นี้ภาษีบังคับใช้ทั่วโลก ด้านบลจ.กสิกรไทย (KAsset) คาด 1-3 เดือนนี้ ความผันผวนยังอยู่ระดับสูง เน้นถือสินทรัพย์ปลอดภัย แนะกองทุนตราสารหนี้-มันนี่มาร์เก็ต “K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS” พร้อมกระจายความเสี่ยงลงทุน “สินทรัพย์หลากหลายทั่วโลก” ผ่านกองทุนผสม (Multi-Asset) ส่วนพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) ลดน้ำหนักกองทุนหุ้นเวียดนาม-จีนถูกกระทบตรงจากภาษี

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย (KAsset) เปิดเผยมุมมองการลงทุนจาก J.P Morgan Asset Management สถานการณ์ปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง และผลลัพธ์อาจเกิดขึ้นแบบ “Binary Outcome คือสามารถออกได้ทั้งหัวหรือก้อย” แต่ความท้าทายคือ ผลลัพธ์ของตลาดจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบุคคลเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือประธานาธิบดีทรัมป์ ที่สามารถ “เปลี่ยนเกม” ได้ทันทีผ่านนโยบายภาษีนำเข้า ที่ไม่ว่าจะผ่อนคลายหรือกดดันเพิ่มเติม

จุดเฝ้าระวังสำคัญ คือวันที่ 9 เม.ย.นี้ อาจจะเป็นวันที่มีการตัดสินใจที่สำคัญจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งจับตาการฟ้องร้องต่อคำสั่งฝ่ายบริหารในศาล, คะแนนนิยมของประธานาธิบดีที่อาจปรับลดลง, หรือแรงกดดันจากพรรครีพับลิกัน (GOP) อาจเป็น ตัวเร่งให้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ปรับเปลี่ยนนโยบาย

“จนกว่าจะถึงตอนนั้น Risk premium (ส่วนเพิ่มของความเสี่ยง) ยังคงอยู่ในระดับสูง ตลาดยังเปราะบาง ทั้งในแง่ของ Valuation (มูลค่าที่ประเมินไว้) และ Sentiment (ความเชื่อมั่นของนักลงทุน) ที่อาจจะยังคงไม่เชื่อมั่นต่อนโยบายที่ยังไม่แน่นอน”

อย่างไรก็ตาม J.P Morgan Asset Management มองว่า เรื่องภาษีนำเข้านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของสหรัฐฯ แต่จะกลายเป็นความเสี่ยงลุกลามทั่วโลก เนื่องจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯครั้งนี้ ส่งผลถึงห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และบริษัทข้ามชาติใน ยุโรป เอเชีย เม็กซิโก ก็ถูกเกี่ยวพันกับมาตรการนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นคือ “การตอบโต้” หรือ Retaliation risk เพิ่มขึ้น เช่น การขึ้นภาษีตอบโต้ การแบนสินค้า หรืออุปสรรคเชิงกฎระเบียบ

ด้าน KAsset มองว่ามีสัญญาณเชิงบวกจากการแถลงข่าวระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวว่ากำลังจะมีการเจรจาร่วมกับหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เพื่อลดการขาดดุลการค้า

“ในช่วง 1-3 เดือนต่อจากนี้ ความผันผวนจะยังอยู่ในระดับที่สูง ควรเน้นถือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นกองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนตลาดเงินระยะสั้นๆ แนะนำ K-SFPLUS สำหรับพักเงินระยะสั้น 3-6 เดือน และ K-FIXEDPLUS สำหรับลงทุน 1-1.5 ปี ขึ้นไป เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน กับตราสารหนี้คุณภาพดี ทั้งในและต่างประเทศ”

สำหรับเป็น Core Portfolio แนะนำกองทุนผสม หรือ Multi-Asset เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว ได้แก่ K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE ที่มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก

สำหรับ Satellite แนะนำลดน้ำหนักกองทุนในส่วนที่เป็นหุ้นในส่วนของ Satellite ที่ลงทุนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าตรงๆ เช่น เวียดนาม และ จีน (ที่มา KAsset Investment Strategy 8 เม.ย.2568)