PTG เสกกำไรหายวับ 99% “เอสโซ่” เหลือแค่พันล้าน

ธุรกิจปั๊มน้ำมันแย่ลง ไตรมาส 3/2561 PTG สาหัสสุด หุ้นดิ่ง 12% นักลงทุนตกใจ กำไรแค่ 1 ล้าน กลยุทธ์เร่งขยายปั๊ม ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกตัว ธุรกิจนอนออยล์โตไม่ทัน ส่วนโรงกลั่นและค้าน้ำมัน เอสโซ่ กำไรสุทธิเหลือ 1,102 ล้านบาท วูบลงเกือบ 65% บางจากฯแจง ธุรกิจนี้กำไรก่อนภาษีค่าเสื่อม ดอกเบี้ยลดลง 3% เหลือ 2,142 ล้านบาท ได้ลูกเก่ง BCPG ธุรกิจไฟฟ้าพุ่งขึ้น กำไรรวมโต 75% เป็น 1,856 ล้านบาท

นักลงทุนเทกระจาดหุ้นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)กดราคาปิดต่ำสุดที่ 7.85 บาท รูดลง 1.10 บาท คิดเป็น 12.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 704 ล้านบาท ติดอันดับ 6 ของหุ้นที่เทรดสูงสุดของวันที่ 12 พ.ย. 2561

มาร์เก็ตติงกล่าวว่า นักลงทุนขายหุ้น PTG ออกมามาก หลังจากบริษัทแจ้งว่าไตรมาส 3/2561 มีกำไรเพียง 1.98 ล้านบาท ทรุดลง 99% ทั้งจากไตรมาส 3/2560 และไตรมาส 2/2561 รวม 9 เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิแค่ 448 ล้านบาท รูดลงกว่า 33.5% จากที่มีกำไรสุทธิ 674 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนขายหุ้น PTG ออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาอย่างรวดเร็วจากที่ยืนเหนือ 10 บาท เพราะบริษัทประกาศปรับลดประมาณการรายได้ของปีนี้ลงจากที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 20-25% เหลือประมาณ 17-18% พร้อมปรับลดงบลงทุนที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากลดอัตราเร่งในการขยายสถานีบริการ จากที่มีอยู่มากกว่า 1,700 แห่ง ในปีที่ผ่านมา เป็น 1,900 แห่ง ไม่ถึง 2,000 แห่งอย่างที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจกาเศรษฐกิจในต่างจังหวัดไม่ดี นักวิเคราะห์หลายแห่งมีการปรับลดประมาณการกำไรในปีนี้และปีหน้า แต่ก็ยังสูงกว่าที่บริษัทเปิดเผยออกมาในช่วง 9 เดือนทำได้ไม่ถึง 500 ล้านบาท คาดว่านักวิเคราะห์จะต้องปรับลดประมาณการปีนี้และปีหน้าลงมามากอีกครั้งหนึ่ง

บริษัทพยายามเพิ่มรายได้และกำไรในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือนอนออยล์ ล่าสุดบริษัทมีการลงทุนในบริษัทบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า แต่ก็ยังเติบโตไม่ทันกับค่าใช้จ่ายในการขยายปั๊ม ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกตัว เช่น ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นจาก 1,101 ล้านบาท เป็น 1,451 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และต้นทุนทางการเงิน กระโดดขึ้นจาก 47 ล้านบาทเพิ่มเป็น 74 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม กลับมาขาดทุน 3 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไร 7 ล้านบาทในไตรมาส 3/2560

ทั้งนี้ บริษัท PTG ประกาศกลยุทธ์ที่แตกต่างจากผู้ค้าน้ำมันรายอื่นและเน้นการขยายสถานีบริการอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ้นปี 2559 มีทั้งหมด 1,407 แห่งทั่วประเทศ

ทางด้านบริษัทให้เหตุผลว่ากำไรที่หายไปมาก ทั้งๆที่มีรายได้จากการขายและการบริการจำนวน 26,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปริมาณการขายเติบโต 17%และราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้น 15% ในไตรมาส 3

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่รัฐบาลขอความร่วมมือจากบริษัทค้าปลีกน้ำมันในการรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นรวมเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยอยู่ที่ 1,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 7.2% จากปีก่อน และลดลง 5.3% จากไตรมาสก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจนอนออยล์ ส่งผลให้มี EBITDA อยู่ที่ 716 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ส่วนบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นและสถานีบริการ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,102 ล้านบาท ลดลง 1,995 ล้านบาทหรือ รูดลง 64.41% จากที่มีกำไรสุทธิ 3,097 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลงถึง 61% จากไตรมาส 2 ที่มีกำไรสุทธิ 2,865 ล้านบาท แต่รวม 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 591 ล้านบาทหรือเติบโต 13% จากที่มีกำไรสุทธิ 4,329 ล้านบาท

บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น(BCP)มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 75% เป็น 1,856 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2561 ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน มีกำไรก่อนภาษีค่าเสื่อมดอกเบี้ยลดลง 3% เหลือ 2,142 ล้านบาท ส่วนธุรกิจไฟฟ้าดีขึ้นมาก ในฐานะที่บริษัทถือหุ้น 70% ในบริษัท บีซีพีจี( BCPG) ที่มีกำไรพิเศษจากการโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นจำนวน 2 โครงการ