TOP กำไร Q3 เหลือ 4.5 พันล้าน ลดลง 40%

“ไทยออยล์” ไตรมาส 3/61 กำไรสุทธิ 4.5 พันล้านบาท ลดลง 40% จากงวดปีก่อน ฉุด 9 เดือน กำไร 1.49 หมื่นล้านบาท ลดลง 16% เหตุค่าการกลั่นปรับตัวลดลงหลังราคาน้ำมันพุ่ง กำไรสต๊อกน้ำมันลด

บริษัท ไทยออยล์ (TOP) แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 กำไรสุทธิ 4,558 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.23 บาท ลดลง 40% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 7,605 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.73 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 14,961 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 7.33 บาท ลดลง 16.55% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 17,929 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 8.79 บาท

งวดไตรมาส 3/2561 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขายจำนวน 101,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,965 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นมากตามราคาน้ำมันดิบโดยมีปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตามกลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 3.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สาเหตุหลักจากค่าการกลั่นปรับตัวลดลงหลังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบและ Crude Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เนื่องจากอุปทานน้ำมันเบนซินล้นตลาด รวมทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ำมันเตาได้ปรับตัวลดลงเช่นกัน

ทั้งนี้ กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันลดลง 1.1 เหรียญสหรัฐหรือคิดเป็น 1,090 ล้านบาท จึงมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 4.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ผลขาดทุนจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิเพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท จึงส่งผลให้ EBITDA ลดลง 3,859 ล้านบาทและกำไรสุทธิลดลง 3,047 ล้านบาทจากไตรมาส 3/2560

ส่วนงวด 9 เดือนปี 2561 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 289,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41,644 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามกำไรขั้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันปรับลดลงมาอยู่ที่ 7.1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 2.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงจากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบ และ Crude Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจากอุปทานล้นตลาด ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในช่วงฤดูกาลขับขี้เติบโตน้อยกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ำมันเตาได้ปรับตัวลดลงสาเหตุจากอุปทานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA ลดลง 2,295 ล้านบาท โดย 9 เดือน ปี 2561 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 5,896 ล้านบาทหรือ 2.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากระดับน้ำมันดิบที่สูงขึ้น เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 14,961 ล้านบาท ลดลง 2,968 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน