PTG กำไรเหลือ 1.98 ล้าน ปรับเป้าอีบิทด้า Q4 โต 5-10%

“พีทีจี เอ็นเนอยี” ไตรมาส 3/61 กำไรสุทธิ 1.98 ล้านบาท ลดหนัก 99.6% จากช่วงปีก่อน รับผลกระทบรัฐขอความร่วมมืออั้นราคาน้ำมันดีเซลไว้ 30 บาทต่อลิตรดันต้นทุนเพิ่ม ฉุดกำไรขั้นต้นหด ลุยเปิดสาขายดันค่าใช้จ่ายเพิ่ม ส่วน 9 เดือนกำไร 448 ล้านบาท ลด 33% ปรับเป้า EBITDA ไตรมาส 4 นี้ อยู่ที่ 5-10%

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 กำไรสุทธิเหลือ 1.98 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.00 บาท ลดลง 99.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 228.28 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.14 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 448.24 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.27 บาท ลดลง 33.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 674.41 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.40 บาท

งวดไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นต่อลิตรลดลง ตามการขอความร่วมมือจากภาครัฐจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นรวดเร็ว รัฐบาลประกาศขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ค้าปลีกน้ำมันให้คงระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ขณะที่ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ทำให้กำไรขั้นต้นเติบโตน้อยกว่าคาด โดยมีกำไรขั้นต้น 1,722 ล้านบาท เพิ่ม 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลด 5% จากไตรมาสก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายสาขา ส่งผลให้กำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อมและดอกเบี้ย (EBIDA) เท่ากับ 716 ล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 19% จากไตรมาสก่อนและฉุดให้กำไรสุทธิลดลง

นอกจากนี้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 75 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนมาจากเงินกู้ยืมสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจน้ำมันและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก

งวดไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 26,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 1% จากไตรมาสก่อน ผลจากรายได้จากการและบริการในส่วนของธุรกิจน้ำมันเพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและราคาขายปลีกน้ำมันต่อลิตรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่รายได้จากการขายและบริการธุรกิจน้ำมันลดลง 2% จากไตรมาสก่อน ผลกระทบทางฤดูกาลปริมาณการจำหน่ายน้ำมันลดลง 5% ซึ่งถือวาน้อยกว่าในอดีต เนื่องจากถูกชดเชยกับราคาขายปลีกน้ำมันต่อลิตรที่สูงขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่นจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก

นอกจากนี้รายได้จากการขายและบริการธุรกิจนอนออยล์เติบโตต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน จากกลยุทธ์ในการขยายสาขาของธุรกิจนอนออยล์ ด้านต้นทุนการขายและบริการมีจำนวน 25,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 1% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นและลดลงดังกล่าว รวมทั้งราคาต้นทุนน้ำมันต่อลิตรเพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่ม 4% จากไตรมาสก่อน

สำหรับแนวทางการดำเนินงานในไตรมาส 4/2561 บริษัทได้ปรับประมาณการอัตราการเติบโตของ EBITDA อยู่ที่ 5-10% ผลจากราคาน้ำามันในตลาดโลกที่คาดว่าจะยังคงมีความผันผวน และการรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท ต่อลิตรจะส่งผลกระทบกับการปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ

บริษัทฯ ยังเน้นการขยายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจนอนออยล์ ควบคู่กับสถานีบริการน้ามัน โดยยังคงเป้าหมายการขยายสาขาของสถานีบริการน้ามัน และแก๊สแอลพีจี อยู่ที่ 1,900 สาขา และจำนวนสาขาของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจการให้บริการต่างๆ อยู่ที่ 500 สาขา รวมถึงยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของปริมาณการขายอยู่ที่ 15-20% จากปีที่แล้ว