TU กำไร Q3 หด 24% บาทแข็ง-บันทึกด้อยค่าสินทรัพย์

“ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” ไตรมาส 3/61 กำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 24% จากงวดปีก่อน เหตุบาทแข็ง ราคาวัตถุดิบลด บันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ปิดกิจการแซลมอนในสกอตแลนด์มูลค่า 420 ล้านบาท ชี้หากตัดรายการพิเศษโชว์กำไรดำเนินงานปกติรายไตรมาสสูงสุดนับแต่ปี 58

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 กำไรสุทธิ 1,310.43 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.27 บาท ลดลง 23.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,722.77 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.36 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 2,189.05 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.46 บาท ลดลง 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,576.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.96 บาท

งวดไตรมาส 3/61 ยอดขายลดลง 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 34,174 ล้านบาทโดยหลักเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนและราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง โดยหากแยกผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนออก ยอดขายจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพียง 0.8% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ยอดขายในช่วง 9 เดือน ปี 2561 อยู่ที่ 97,314 ล้านบาท ลดลง 2.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาหรือลดลง 1.1% หากแยกผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

กำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/61 อยู่ที่ 5,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 14.0% จากไตรมาสก่อนหน้า การฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้ามีผลมาจากราคาวัตถุดิบที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นและการเจรจาปรับราคากับคู่ค้าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 15.7% ปรับเพิ่มขึ้น 1.52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและกำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนปี 61 คิดเป็น 13,468 ล้านบาท ลดลง 7.1% จากปีก่อน

บริษัทมีกำไรจากดำเนินงาน 1,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การฟื้นตัวมาจากต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าที่ถูกลง การฟื้นตัวของธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (SG&A) ปรับลดลง 0.9% จากปีก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายในไตรมาส 3/61 ปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับ 10.4% ซึ่งสูงกว่า 10.3% ในไตรมาส 3/60 เนื่องจากยอดขายที่ปรับลดลงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามแม้ว่ากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสจะลดลง การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานยังมีน้ำหนักมากกว่าและทำให้บริษัทรายงานกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปรกติที่ 1,730 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังเป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงที่สุด นับตั้งแต่ปี 2558 แต่เนื่องจากบริษัทมีการบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์เพื่อขายหรือปิดตัวของบริษัทแซลมอนแช่เย็นในประเทศสกอตแลนด์มูลค่า 420 ล้านบาท บริษัทจึงได้รายงานกำไรสุทธิตามงบการเงินที่ 1,310 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนปี 2561 ปรับลดลง 13.3% จากปีที่แล้ว เนื่องจากการดำเนินงานที่ท้าทายในช่วงไตรมาส 1/60

ในเดือนกันยายน 2561 บริษัทได้ประกาศเจตจำนงที่จะปิดธุรกิจแซลมอนในสกอตแลนด์โดยการขายหรือการปิดกิจการ ดังนั้นรายการทางการเงินจากบริษัทย่อยดังกล่าวจะถูกรายงานอยู่ในรายการผลประกอบการจากการดำเนินงานที่ยกเลิก และบริษัทได้บันทึกการด้ อยค่าของสินทรัพย์มูลค่า 420 ล้านบาทจากการดำเนินการดังกล่าวในไตรมาส 3/61