“บลจ.อีสท์สปริง” คัด 4 ธีมเด่น จัดพอร์ตกระจายลงทุนส่งท้ายปี

HoonSmart.com>> “บลจ.อีสท์สปริง” แนะจัดพอร์ตลงทุนช่วงที่เหลือของปี ชู 4 ธีมน่าสนใจ พอร์ตหลักเน้น “หุ้นปันผล-หุ้นคุณภาพทั่วโลก” รับมือเศรษฐกิจผันผวน พร้อมหาโอกาสลงทุน “หุ้นเทค-หุ้นเติบโตในสหรัฐฯ” จังหวะดอกเบี้ยปลายวัฎจักรขาขึ้น “หุ้นเกาหลี-ใต้หวัน” เด่น “เวียดนาม” แนวโน้มเติบโต กระจายลงทุน “ตราสารหนี้ทั่วโลก” คุณภาพดี พร้อมเสิร์ฟ 5 โมเดลจัดพอร์ตตามระดับความเสี่ยง

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อีสท์สปริง (ประเทศไทย) แนะนำการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า หากมองจากความเสี่ยงและระดับราคาหุ้นในปัจจุบัน มอง 4 ธีมลงทุนที่น่าสนใจ แนะนำจัดพอร์ตกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้

สำหรับธีมแรก ได้แก่ ธีมหุ้น เน้นกระจายการลงทุน หุ้นคุณภาพ เนื่องจากยังมองโอกาสจากการลงทุนยังมีอยู่ ถึงแม้หลายสินทรัพย์ อย่างหุ้นเทค กลุ่มเติบโตปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างดี แต่ตอนนี้ยังมีความเสี่ยงที่ไม่รู้ว่าช่วงที่เหลือของปีจะมีอะไรเข้ามากระทบ จึงแนะนำถือหุ้นที่เป็นพอร์ตหลักผ่านกองทุน ES-GDIV ลงทุนในหุ้นปันผล เพราะเวลาเศรษฐกิจผันผวน กลุ่มหุ้นปันผลสูงจะรองรับความผันผวนได้

อีกกองทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุน TMBGQG ซึ่งลงทุนในหุ้นทั่วโลก เน้นหุ้นขนาดใหญ่และมีการเติบโต เป็นพอร์ตหลัก เป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ต

ธีมที่สอง “End of Rate Hike” การจบรอบวัฎจักรขาขึ้นของดอกเบี้ยสหรัฐฯ อาจเกิดขึ้นในไตรมาส 3 หรือปลายปีนี้ ทำให้มองภาพในปี 2567 ดอกเบี้ยสหรัฐไม่ “คง” ก็ “ลง” จึงอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของ “หุ้นเติบโต หุ้นเทค” ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยปลายวัฎจักรขาขึ้น กองทุนที่แนะนำ ได้แก่ ES-USTECH, TMB-US BLUECHIP

ธีมที่สาม “Economic Recovery & Laggard” จากต้นปีที่ได้แนะนำ “ตลาดหุ้นเกาหลีและใต้หวัน” ซึ่งเป็นสองประเทศที่น่าสนใจ และแม้วันนี้แม้ “จีน” จะชะลอตัวลง แต่อีกประเทศที่เริ่มกลับมาน่าสนใจ คือ “ตลาดหุ้นอินเดีย” ซึ่งอินเดียกลายเป็นเบอร์หนึ่งในการบริโภคของโลก มุมมองถัดไป คือ “ตลาดหุ้นยุโรป” จากคำแนะนำ “Netural” แต่สามารถทยอยเก็บหุ้นได้

รวมถึง “ตลาดหุ้นเวียดนาม” ซึ่งเป็นตลาดชายขอบ (Frontier Market) ปัจจุบัน GDP ยังเติบโตในระดับ 6% ท่ามกลางประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐฯ จีนชะลอตัว และผลตอบแทนจากตลาดหุ้นเวียดนาม ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันขึ้นมาเป็นสองหลัก 20% กว่า ซึ่งเชื่อว่าหากเทียบปีที่แล้ว ตลาดหุ้นเวียดนาม มูลค่าหุ้นยังถูกกว่าเฉลี่ย จากคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้โตได้ระดับ 20% และปีหน้าระดับ 20% อย่างไรก็ตามแต่เวียดนามมีความเสี่ยงเรื่องของความโปร่งใส สภาพคล่องและความเสี่ยงในการจัดระเบียบของภาครัฐ จึงแนะนำให้จำกัดความเสี่ยงโดยไม่ควรลงทุนเกิน 5% ของพอร์ต กรณีที่ตลาดปรับตัวลดลงจะไม่กระทบพอร์ตรวม

“ตลาดหุ้นจีน” ยังน่าสนใจ โดยเฉพาะ H-Share ซึ่งตลาดแกว่งตัวลงมาเล็กน้อย ไม่ได้ปรับตัวลงแรง อีกทั้งยังมีประเด็นน่าสนใจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน การคลังอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมามาตรการยังไม่แรงพอ สุดท้ายหากมาตรการที่ออกมาช่วยไม่ได้ ปลายปีอาจมีมาตรการชุดใหญ่ออกมา ดังนั้นชะลอเก็บ แนะนำนักลงทุนที่มีหุ้นจีนถือต่อ ไม่ใช่เวลาขาย ราคาถูกมา สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นจีน ก็รอดูสถานการณ์ก่อน

“เรามองจีนต่างจากในอดีต ซึ่งตอนนี้จีนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่เลือกที่จะไม่ทำ เพราะมีโอกาสที่จะสร้างหนี้และสร้างความคาดหวังจนเกินไป จึงค่อยๆ จัดการปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ ถ้าจีนไม่ออกการกำหนดเกณฑ์การก่อหนี้ของภาคอสังหาริมทรัพย์ เราจะไม่เห็นฝุ่นซุกใต้พรมเลย เวลาจัดการ บริษัทที่ไม่มีเสถียรภาพค่อยๆ จัดการตัวเองก่อน หากไม่ไหวรัฐก็จะเข้ามา”

สำหรับกองทุนที่แนะนำในธีมดังกล่าว ได้แก่ TMBAGLF, TMB-ES-Chaina A, TMBEG , TMB-ES-VIETNAM

ธีมสุดท้าย “Defensive Cushion” ทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบหุ้น แนะนำ “ตราสารหนี้” เอาไว้เป็น Defensive พอร์ต วันนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกมีโอกาสชะลอตัวหรือหากเกิดเศรษฐกิจถดถอย (Resession) ก็จะถดถอยบางๆ ซึ่งตัวที่เอาไว้ป้องกันความเสี่ยงเวลาเศรษฐกิจถดถอยได้ คือ ตราสารหนี้ภาครัฐ พันธบัตรรัฐบาล

“หลายคนอาจเข้าใจผิด เมื่อเศรษฐกิจถดถอยต้องมี “ทอง” ในพอร์ต แต่จากสถิติที่ทดสอบ 8 วิกฤตหลังสุด พบว่ามีปีเดียวที่ทองให้ผลตอบแทน 20% ในปี 2020 อีก 7 ครั้ง บวกลบ 3% อีก 1 ครั้งติดลบ 30% แปลว่าไม่เสมอไป แต่ทองคำจะเป็นตัวป้องกันได้ดีช่วงเกิดสงคราม แต่เวลาเศรษฐกิจถดถอย พันธบัตรรัฐบาลเป็นตัวป้องกันได้ดีสุด จึงแนะนำกองทุน TMBGF , TMBGINCOME ในช่วงปลายวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งเรามอง “โอกาสกับความเสี่ยง” เริ่มน่าสนใจ “ยีลด์จะขึ้นหรือราคาจะลงอีกเมื่อไร” ยังตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่มองโอกาสกับความเสี่ยงเริ่มน่าสนใจ”นายบดินทร์ กล่าว

พร้อมกันนี้บลจ.อีสท์สปริง แนะนำจัดพอร์ตการลงทุน ตามระดับความเสี่ยงของนักลงทุน ผ่าน 5 โมเดลที่นำเสนอ พร้อมผลตอบแทนคาดหวัง

กลุ่มแรก หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำตราสารหนี้ 100% ทั้งตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ ผลตอบแทนคาดหวัง 2-3%

กลุ่มที่สอง หากรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น แนะนำหุ้น 20% และตราสารหนี้ 80% กระจายลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ผลตอบแทนคาดหวัง 4-5%

กลุ่มที่สาม ลงทุนในหุ้น 50% และตราสารหนี้ 50% ผลตอบแทนคาดหวัง 6-7% แต่ความผันผวนก็สูงขึ้น

กลุ่มที่สี่ หากรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น แนะนำหุ้น 70% ตราสารหนี้ 30% ผลตอบแทนคาดหวัง7-8%

กลุ่มที่ห้า รับความเสี่ยงได้สูงมาก แนะนำหุ้น 100% เน้นกระจายลงทุนในหุ้นทั่วโลก มีหุ้นไทยเพียงเล็กน้อย ผลตอบแทนคาดหวังมากกว่า 9%

 
 

อ่านข่าว

บลจ.อีสท์สปริง ชู 3 แนวทางหนุนโตแกร่ง กองทุนตอบโจทย์ ดัน AUM ปีนี้ 3.8 แสนลบ.