TEGH ปิดเทรดวันแรก 5 บาท เหนือจอง 4.17%

HoonSmart.com>>หุ้น TEGH ปิดเทรดวันแรกที่ 5 บาท เหนือจอง 4.17% โ่บรกฯให้ราคาเหมาะสม 6.90-8.00 บาท มองบวกต่อแนวโน้มเติบโตสูงได้ต่อเนื่องหลัง IPO  ลงทุนขยายกำลังการผลิตในทุกธุรกิจ  พัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพ, Product mix ที่ดีขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจะหนุนอัตรากำไรสุทธิต่อเนื่องในระยะยาว “สินีนุช”เอ็มดี แย้มเจรจาร่วมทุน  2 พันธมิตรจากญี่ปุ่น-มาเลเซีย ยอดธุรกิจเดิมโตมากขึ้น คาดสรุปต้นปี 66 

หุ้นบริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) วันที่ 30 ก.ย.2565  ปิดเทรดวันแรกที่ 5  บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +4.17% จากราคาขาย IPO ที่ 4.80 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 4,101.47 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 4.98 บาท ขึ้นสูงสุด 5.35 บาท และต่ำสุด 4.88 บาท

บล.โกลเบล็ก ระบุ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  ราคาเหมาะสม Consensus อยู่ในช่วง 6.90–8.00 บาท TEGH ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ  โครงสร้างรายได้มาจากขายยางธรรมชาติ 75.5% จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 23.7% และผลิตพลังงานทดแทน 0.7% โดยบริษัทจะเน้นการผลิตสินค้ายางแท่งที่เป็น Premium Quality ตอบโจทย์ลูกค้าที่เป็น Premium Brand มากกว่า 64 แบรนด์ดังทั่วโลก อาทิ Michelin, Bridgestone และ Yokohama

รายได้รวมในปี 2562-2564 เท่ากับ 8,091 ล้านบาท 8,196 ล้านบาท และ 11,088 ล้านบาท ตามลําดับ และกําไรสุทธิ เท่ากับ 53 ล้านบาท 38 ล้านบาท และ 563 ล้านบาท ตามลําดับ คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ  7.5% , 7.4% และ 10.4% ตามลำดับ ทั้งนี้กำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/65 ราว 211 ล้านบาท +3%YoY หนุนกําไรครึ่งแรกปี 65 ราว 367 ล้านบาท +42%YoY สาเหตุมาจากปริมาณขายยางรวมที่ปรับตัวขึ้นจาก 83,011 ตัน เป็น 97,919 ตัน +18%YoY อีกทั้งราคายางยังทรงตัวระดับสูงในกรอบ 45-50 บาทต่อกิโลกรัม ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/65

บริษัทเสนอขาย IPO จำนวน 270 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ราคา IPO 4.80 บาท (คิดเป็น P/E = 7.7 เท่า) วัตถุประสงค์การใช้เงิน 1.เพิ่มกําลังการผลิต 2.ชําระคืนเงินกู้ 3.เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น TEGH ราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 7.20 บาท อิงวิธี SOTP เทียบเท่ากับ PER2566 ที่ 8.7 เท่า มีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการคาดจะเติบโตสูงได้ต่อเนื่องหลัง IPO จากการลงทุนขยายกำลังการผลิตในทุกธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพ, Product mix ที่ดีขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจะหนุนอัตรากำไรสุทธิต่อเนื่องในระยะยาว

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปกติปี 65 ที่ 805 ล้านบาท +24.5%YoY และปี 66 ที่ 892 ล้านบาท +9.1%YoY และคาดทำระดับสูงสุดใหม่ถึงปี 67 เป็นอย่างน้อย โดยมีธุรกิจพลังงานหมุนเวียนเป็น Upside ระยะยาว

บล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ TEGH ประเมินราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 6.90 บาท โดยใช้ค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปี ของ STA และ NER ซึ่งเป็นธุรกิจใกล้เคียงกันที่ 9.1 เท่า

ด้านนางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น TEGH วันแรกเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคา IPO เป็นไปตามภาวะตลาด และการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากการตั้งราคาขายไอพีโอที่เหมาะสม  นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจ ที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกไกล

“การเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้ นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญของการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตที่ดีในอนาคต”นางสาวสินีนุช กล่าว

กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตร 2 ราย คือ Sumitomo Rubber Industries ของประเทศญี่ปุ่น และ Sime Darby Oils ของมาเลเซีย เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมให้มีการเติบโตมากขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในช่วงต้นปี 2566 ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมอยู่ในแผนการเติบโตและการลงทุนในระยะ 5 ปี ตั้งเป้ารายได้ที่ 22,000 ล้านบาท งบลงทุนราว 1,200 ล้านบาท เพื่อที่จะก้าวขึ้นติด 5 อันดับกำลังการผลิตยางแท่งมากที่สุดที่ 420,000 ตัน งบลงทุนราว 300-400 ล้านบาท และขยายกำลังการผลิตในธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ งบลงทุน 200 ล้านบาท

ส่วนที่เหลือจะใช้ในการลงทุนขยายการให้บริการบริหารกากอินทรีย์เพิ่มเป็น 1 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันที่ 4-5 แสนตัน/ปี ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไบโอแก๊สเพิ่มเป็น 60-70 ล้านลูกบาศก์/ปี จากปัจจุบันที่ 20 ล้านลูกบาศก์/ปี โดยมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ต้องการบริหารจัดการเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์  หากใช้พลังงานจากไบโอแก๊สของบริษัท สามารถที่จะนำไปคำนวณได้ทันที

นอกจากนี้บริษัทยังได้เปรียบด้านสถานที่ตั้งที่อยู่ในพื้นที่โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่มีความต้องการใช้พลังงานค่อนข้างมาก และ มีปริมาณกากอินทรีย์เข้ามาบริหารค่อนข้างมากด้วย