สินมั่นคงฯ เปิด 3 แนวทางจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการแก้ปัญหาหนี้

HoonSmart.com>> “สินมั่นคงประกันภัย” แจงผู้ถือหุ้นกรณียื่นศาลขอฟื้นฟูกิจการ เซ่นโควิดยอดเคลมพุ่ง แบกภาระ “หนี้สินล้นพ้นตัว” หนี้สูงกว่าสินทรัพย์กว่า 2.7 หมื่นล้านบาท หวังเจรจาเจ้าหนี้ หาแนวทางชำระหนี้กรมธรรม์ประกันภัยโควิด พร้อมเปิด 3 แนวทางจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ด้านศาลนัดไต่สวนคำร้อง 15 ส.ค.65 พร้อมย้ำให้ความคุ้มครองประกันภัยประเภทอื่นตามกรมธรรม์ ด้านหุ้น SMK ยังมีการซื้อขายด้วยบัญชี Cash Balance

บริษัท สินมั่นคงประกันภัย (SMK) แจ้งว่า บริษัทฯ ได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2565 สรุปแนวทาง ขั้นตอนการแก้ไข ประเด็นการพิจารณาและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกรณีหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ถูกขึ้นเครื่องหมาย C ว่า หุ้น SMK ถูกขึ้นเครื่องหมาย C ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.2565 เนื่องจากบริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในวันที่ 17 พ.ค.2565 และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทในวันที่ 18 พ.ค.2565

กรณีที่ต่อมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพิ่มเหตุการณ์ขึ้นเครื่องหมาย C บนหลักทรัพย์ของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2565 เนื่องมาจากการที่บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลงบการเงินไตรมาสที่ 1/2565 ในวันที่ 23 พ.ค.2565 ซึ่งปรากฎข้อมูลว่า บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนที่ชำระแล้ว โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.2565 ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมูลค่าประมาณ -27,225 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ -13,612.5% ของทุนที่ชำระแล้ว นั้น

บริษัทได้จัดทำรายงานสรุปแนวทาง ขั้นตอนการแก้ไข ประเด็นพิจาณาและการดำเนินการเกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท ดังนี้

ความคืบหน้าในการดำเนินการฟื้นฟูกิจการของบริษัท

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2565 บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง
ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทในวันที่ 18 พ.ค.2565
ศาลกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 15 ส.ค.2565 เวลา 09.00 น.

สรุปการขึ้นเครื่องหมายบนหลักทรัพย์ของบริษัท

– เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2565 หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย C กรณีศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทในวันที่ 18 พ.ค.2565 – ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2565 หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย SP 1 วัน เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินไตรมาสที่ 1/2565

– วันที่ 25 พ.ค.2565 หลักทรัพย์ของบริษัทถูกเปลี่ยนจาก SP เป็นเครื่องหมาย NP จนกว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะมีคำสั่งให้แก้ไขหรือไม่แก้ไขงบการเงินของบริษัท นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพิ่มเหตุการณ์ขึ้นเครื่องหมาย C บนหลักทรัพย์ของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว ตามงบการเงินไตรมาสที่ 1/2565

– ปัจจุบันหลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย C และ NP ซึ่งนักลงทุนยังสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้ด้วยบัญชี Cash Balance

ที่มาและสาเหตุของการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของบริษัท

1.ในปี 2564 บริษัทได้รับประกันกรมธรรม์ประกันภัยการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ประเภทเจอจ่ายจบ และประเภททูอินวัน (2 in 1) โดยมีเบี้ยรับจากประกันภัยรวมจำนวน 661 ล้านบาท ต่อมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ในวงกว้างและกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) และปัจจัยภายนอกอันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท

เช่น มาตรการการป้องกันและควบคุมโรคของรัฐบาล อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เป็นต้น ทำให้มีจำนวนยอดผู้ติดเชื้อในประเทศสูง โดยมีผู้เอาประกันมายื่นเคลมสินไหมทดแทนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) คงค้าง 350,000 ราย คิดเป็นค่าสินไหมประมาณเกือบ 30,000 ล้านบาท (เมื่อนับรวมสินไหมกรมธรรม์ประกันภัยโควิดฯ ที่จ่ายไปแล้วทั้งหมดประมาณ 41,875 ล้านบาท คิดเป็นการจ่ายสินไหมที่สูงถึง 63 เท่าของเบี้ยประกันภัยรับ หรือ 6,300% ซึ่งสูงกว่าการจ่ายสินไหมประเภทอื่นเกือบ 100 เท่า จนกระทั่งบริษัทมีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ที่ถึงกำหนดดังกล่าว

2.บริษัทได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลผู้เอาประกันและจ่ายสินไหม โดยได้นำเงินจากกำไรสะสมทั้งหมดมาจ่ายชำระสินไหมทดแทนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ไปแล้วเป็นเงินจำนวนมากกว่า 11,000 ล้านบาท

3.จากจำนวนสินไหมทดแทนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่มีจำนวนมาก ทำให้นักลงทุนยังไม่ตัดสินใจเข้าร่วมทุน บริษัทจึงไม่อาจหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการชำระหนี้ได้ หากยังคงมีภาระหนี้เป็นจำนวนสูงเกินความสามารถทางการเงิน อย่างไรก็ดี ธุรกิจของบริษัทมีพื้นฐานดีและก่อนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากบริษัทได้ให้บริการอย่างมีคุณภาพ ยึดมั่นลูกค้าเป็นสำคัญ และประกอบธุรกิจโดยอยู่คู่สังคมไทยมาโดยตลอด

4.บริษัทมีสินทรัพย์ไม่พอกับหนี้สิน (มีหนี้สินล้นพ้นตัว) โดยตามงบการเงินงวดล่าสุด (งบการเงินไตรมาสที่ 1/2565) บริษัทมีหนี้สินมากกว่าสินทรัพย์เป็นจำนวนประมาณ 27,225 ล้านบาท

5.การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเป็นทางออกที่ดีที่สุดและเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุดเพียงช่องทางเดียว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบริษัทและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

ผลที่อาจเกิดขึ้นหากบริษัทไม่ได้รับการฟื้นฟูกิจการ

1.บริษัทจะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และต้องหยุดดำเนินธุรกิจ

2.บริษัทจะต้องปิดกิจการหรือล้มละลาย ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อผู้เอาประกันจำนวนมาก รวมทั้งคู่ค้า และ บุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

3.ภาระหนี้สินไหมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ของบริษัท จะเป็นภาระต่อกองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งปัจจุบันขาดสภาพคล่องอย่างมากและยังไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาชำระค่าสินไหมทดแทนกว่าหมื่นล้านบาทแทนบริษัทประกันภัยที่ต้องเลิกประกอบธุรกิจตามกฎหมายจำนวน 4 ราย ก่อนหน้านี้

4.หุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไม่มีมูลค่า ทำให้นักลงทุน และผู้ถือหุ้นได้รับผลกระทบ

5.ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัยโดยรวม

ผู้ทำแผนที่เสนอในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ

บริษัทฯ ได้เสนอให้บริษัท เป็นผู้ทำแผน โดยอำนาจหน้าที่และสิทธิของผู้ทำแผนตามกฎหมายฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะตกแก่ผู้ทำแผนนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผน มีดังนี้

1.อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของบริษัทฯ
2.บรรดาสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของบริษัท สินมั่นคง (ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผล)
3.อำนาจในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ

ด้วยความพร้อมทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ บริษัทฯ จึงเชื่อว่าการที่เสนอตนเองเป็นผู้ทำแผนเหมาะสมต่อสถานการณ์มากที่สุด เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม โดยวิเคราะห์จากปัจจัยข้อมูลและประสบการณ์ที่รอบด้าน เพื่อคงไว้ซึ่งมูลค่าทางธุรกิจ รักษาฐานลูกค้าและคุณภาพการให้บริการอันเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง

แนวทางการแก้ไขปัญหาและการกลับมาดำเนินธุรกิจในอนาคต
เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากสินไหมทดแทนกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ที่มีจำนวนสูงเกินความสามารถของบริษัทที่จะชำระได้ทั้งหมด กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้บริษัทได้เจรจาหาแนวทางการชำระหนี้ที่เหมาะสมให้กับเจ้าหนี้สินไหมกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ในขณะที่บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจและให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยกรณีกรมธรรม์ปกติอื่น ๆ ต่อไปได้

กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงเป็นแนวทางออกที่จะทำให้บริษัทแก้ปัญหาสินไหมทดแทนกรมธรรม์ประกันภัยโควิดที่สูงเกินความสามารถที่จะชำระหนี้ และบริษัทจะสามารถกลับมาประกอบกิจการได้ตามปกติต่อไปในอนาคต เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย

โดยเบื้องต้นทางบริษัทฯ จะร่างแผนเสนอแนวทางการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งจากการศึกษาในเบื้องต้น เป็นไปได้หลายแนวทาง ดังนี้ โดยแนวทางในการชำระหนี้จะได้มีการหารือร่วมกับเจ้าหนี้ในระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป

1.การหาแหล่งเงินทุนใหม่และปรับโครงสร้างทุน โดยการเพิ่มทุนจากผู้ร่วมทุนใหม่ เพื่อนำมาใช้ในการชำระหนี้ และ/หรือ เพื่อปรับโครงสร้างทุนให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

2.การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ ขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน

3.ศึกษาและจัดเตรียมแผนและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจประกันภัยให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ รวมถึงประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการ
1.ความร่วมมือจากเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับแนวทางการชำระหนี้ร่วมกัน
2.ความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุน และมูลค่าของกิจการของบริษัท
3.กฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ตลอดจนคำสั่งหรือความเห็นของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
4.การสนับสนุนและความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
5.ความเชื่อมั่นของผู้เอาประกันภัย ตัวแทน นายหน้า คู่ค้าต่าง ๆ ต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
6.แนวโน้มอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในอนาคต
7.สภาพเศรษฐกิจโดยรวม

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล เพื่อให้บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างต่อเนื่องและปรับโครงสร้างการชำระหนี้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและแก้ไขฐานะการเงิน

บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทมีเจตนาที่ดีในการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินไหมกรมธรม์ประกันภัยโควิด โดยการฟื้นฟูกิจการจะเปิดโอกาสให้บริษัท และผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้เจรจาร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้ที่เหมาะสมและเป็นแนวทางที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะได้รับการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการมากกว่ากรณีที่บริษัท ต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะได้รับชำระหนี้ค่สินไหมทดแทนตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้มีการยอมรับร่วมกัน ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้จะมีโอกาสได้พิจารณาและลงมติเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

สำหรับผู้เอาประกันภัยประเภทอื่น เช่น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและภาคบังคับ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยเบ็ดเตล็ด และประกันขนส่งทางทะเล เป็นต้น บริษัทขอให้ความมั่นใจว่าบริษัทจะยังคงให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยตามปกติ และรักษาคุณภาพ ความสะดวกรวดเร็ว ในการให้บริการ

ด้านหุ้น SMK ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ราคา 4.94 บาท ลดลง 0.51 บาท หรือ -9.36% มูลค่าการซื้อขาย 2.69 ล้านบาท

อ่านข่าว

“สินมั่นคงประกันภัย” อ่วม Q1/65 ขาดทุน 2.9 หมื่นลบ. เซ่นโควิด