EURO ลุยปั้นรายได้ปีนี้โต 15% … ขยายโชว์รูม – เพิ่มแบรนด์สินค้า

HoonSmart.com>> EURO ลุยปั้นรายได้ปีนี้ 1,400 ล้านบาท โตเกิน 15% ขยายโชว์รูม-เพิ่มแบรนด์สินค้าโลก  ตุน Sales Order คงค้างกว่า 1 พันล้านบาท 

เควิน กัมบีร์

นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ (EURO) เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านบาท หรือโต 15% จากปีก่อน เป็นการโตจาก 1 ธุรกิจเดิม  10-12% ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรมงานภายใน 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานในพื้นที่ต่าง ๆ ภายในบ้านและอาคาร และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการประดับตกแต่งและอุปกรณ์ฟิตเนส

2. เติบโตจากการขยายธุรกิจประมาณ 5-6% อาทิ จากการเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ และขยายหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เพิ่มแบรนด์ใหม่เข้าพอร์ต

ปัจจุบัน EURO มีโชว์รูม เปิดดำเนินการแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ Euro ทองหล่อ , Euro สยาม พารากอน , Euro คริสตัล เซ็นเตอร์ , เทคโนยิม เอกมัย และ เทคโนยิม เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่

มีแผนขยายโชว์รูมแห่งใหม่ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ Euro ทองหล่อ ซอย 5 และทองหล่อซอย 1  , Euro ภูเก็ต

“ผลการดำเนินงานปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตตามตลาดลักชัวรี่  และจับมือพารท์เนอร์ใหม่แบรนด์ชั้นนำ  Poltrona Frau แบรนด์เฟอร์นิเจอร์หนัง Top3 ของโลก , Frette ชุดเครื่องนอนดีที่สุดของโลกจากอิตาลี และ Haworth เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ขึ้นชื่อเก้าอี้นั่งสบายที่สุดในโลก รวมทั้งต้นปีที่ผ่านมา เปิดโชว์รูมใหม่ที่ภูเก็ต เร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ประมาณ 1 เดือน กระแสตอบรับที่ดี และคาดเปิดโชว์รูมใหม ทองหลอ่ ซอย 5  ปลายไตรมาส 2/2567  เป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานทั้งส่วนรายได้และกำไร เติบโตสร้างสถิติสูงสุดใหม่ ” นายเควิน กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ มุ่งเน้นเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดยเจาะตลาดปัจจุบัน และตลาดใหม่ ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ เพิ่มสินค้าหลายประเภทจากเจ้าของสินค้าที่แตกต่างกันเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถขายสินค้าและบริการเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของลูกค้าได้อย่างครบวงจร (Total Living Solutions) และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุกขั้นตอนของการตกแต่ง ทั้งบ้าน โรงแรม อาคารสำนักงาน และสปอร์ตคลับ ณ ต้นปี บริษัทฯ มียอดคำสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าคงค้าง (Sales Order Outstanding) ประมาณ 1,009 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 87% ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ในปีถัดไป