HoonSmart.com>>”ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป” (TFG) เล็งผลงานไตรมาส 1/68 เติบโต ขายดีขึ้นมากหลังขยายร้านค้าปลีก”ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” ถึง 450 สาขา เป้าปีนี้เป็น 600 สาขา ราคาหมูขึ้น ราคาวัตถุดิบลดลง ส่งมาร์จิ้นดี ได้อานิสงส์บวกคำสั่งซื้อไก่จากจีนเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯเก็บภาษีหนัก จีนแบนนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากสหรัฐฯ ปีนี้ตั้งเป้าส่งออกไก่แช่แข็งไปจีน 2 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 5,000 ตันจากปีก่อน
นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) กล่าวว่า ผลงานไตรมาส 1/2568 คาดว่าจะออกมาดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน จากความสามารถในการขายที่ดีขึ้นมาก หลังบริษัทมีการขยายสาขาร้านค้าปลีก “ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” (Retail Shop) ปัจจุบันมีอยู่ 450 สาขา และราคาหมูเป็นขาขึ้น ปัจจุบันประมาณ 85-86 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 70 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ราคาวัตถุดิบลดลง ทั้งกากถั่วเหลือง, ข้าวโพด ส่งผลให้มาร์จิ้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
สำหรับมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่คิดกับไทย 36% ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจาก TFG ไม่ได้ส่งออกไปสหรัฐฯ แต่ส่งออกไก่ไปทางฝั่งยุโรป, จีน, ญี่ปุ่น และอังกฤษ ในทางกลับกันมองเป็นบวกจากสหรัฐฯเก็บภาษีจีนในอัตราที่สูง และจีนสั่งห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากสหรัฐฯ ทำให้จีนมีการสั่งซื้อไก่แช่แข็งเพิ่มขึ้น ปี 2568 วางเป้าหมายไว้ที่ 2 หมื่นตันต่อปี สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วที่ส่งออกไก่ไปได้ 1.5 หมื่นตันต่อปี
สำหรับฝั่งยุโรป ทางบริษัทฯจะส่งออกไก่แช่แข็งในสัดส่วน 60% และไก่ปรุงสุก 40% ซึ่งปี 2568 บริษัทฯวางเป้าหมายส่งออกไป 2.5 หมื่นตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ส่งออกไป 1.7-1.8 หมื่นตันต่อปี ส่วนญี่ปุ่นก็มีสัดส่วนการส่งออกไก่แช่แข็งไป 70% และไก่ปรุงสุก 30% ในปี 2568 ตั้งเป้าหมายส่งออกไป 2.7 หมื่นตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากก่อนที่ 2 หมื่นตันต่อปี สำหรับประเทศอังกฤษ บริษัทเพิ่งไปเปิดตลาดไม่นาน ส่วนใหญ่จะส่งออกไก่ปรุงสุก ในปีที่ผ่านมาบริษัทส่งออกไก่ไป 4-5 พันตันต่อปี ซึ่งปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายใกล้ระดับ 1 หมื่นต่อปี
อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกยังไม่มากแค่ 15% ส่วนใหญ่มาจากการขายในประเทศถึง 85% ซึ่งในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าส่งออกเติบโต 15-20% ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโต 10-15% จากปี 2567 ซึ่งมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาร้านค้าปลีก “ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต”เป็นจำนวน 600 แห่งในปี 2568 จากปัจจุบันที่มี 450 สาขาแล้ว อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบ (กากถั่วเหลือง, ข้าวโพด) ราคาลดลง รวมไปถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะเป็นขาลงด้วย ต่างก็ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทฯให้ดีขึ้นได้ในปีนี้