HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 312 จุด แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่ง Apple ดึงดัชนี S&P 500 ปรับสูงขึ้นมากที่สุด หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ยกเว้นภาษีสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ ชิ้นส่วนประกอบที่นำเข้าจากจีน ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ทรงตัว ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 14 เมษายน 2568 ปิดที่ 40,524.79 จุด เพิ่มขึ้น 312.08 จุด หรือ +0.78% ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งสูงขึ้น โดย Apple ดึงดัชนี S&P 500 ปรับสูงขึ้นมากที่สุด
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,405.97 จุด เพิ่มขึ้น 42.61 จุด, +0.79%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,831.48 จุด เพิ่มขึ้น 107.03 จุด, +0.64%
นักลงทุนขานรับการยกเว้นสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ รวมถึงอุปกรณ์และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ จากภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่เรียกเก็บในอัตราที่เท่ากัน(reciprocoal tariffs) ของทรัมป์ ตามประกาศของหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ที่ออกเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์(11 เมษายน)
แต่ทรัมป์และฮาวเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ส่งสัญญานเมื่อวันอาทิตย์ว่าการยกเว้นดังกล่าวไม่ใช่ถาวร ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากรมากขึ้น ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคง อยู่ภายใต้ภาษีศุลกากร 20% ที่มีอยู่ และกำลังย้ายไปยัง กลุ่มภาษีศุลกากรอื่น
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรในอนาคตทำให้ความคาดหวังในเชิงบวกลดลง และดัชนีหลักปิดตลาดต่ำกว่าระดับสูงสุดของวัน นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแนวทางที่บริษัทต่างๆ จะบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในด้านภาษีศุลกากร
อย่างไรก็ตาม หุ้น Apple เพิ่มขึ้น 2.2% จากข่าวนี้ ขณะที่หุ้น Dell พุ่งขึ้นเกือบ 4% และTechnology Select Sector SPDR Fundเพิ่มขึ้นเกือบ 1%
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 4.382% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีลดลงมาที่ 3.849%
การซื้อขายยังคงผันผวน แบบเดียวกับที่ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เมษายน นักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าโลกจะผลักดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยตลาดมีการแกว่งตัวมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี เนื่องจากข่าวภาษีศุลกากรของทรัมป์มีการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตามดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็น มาตรวัดความกังวลของตลาด ลดลงสู่ระดับ 30.89 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้ S&P 500 อยู่ในรูปแบบ “Death Cross” ซึ่งเป็นจุดที่การปรับฐานในระยะสั้นอาจกลายเป็นแนวโน้มขาลงในระยะยาวได้ ซึ่ง death cross จะเกิดขึ้นเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน
ตลาดจะปิดทำการในวัน Good Friday แต่สัปดาห์นี้ คาดว่าบริษัทหลักๆบางส่วนในสหรัฐฯ จะประกาศผลประกอบการ โดย Netflix และ UnitedHealth Group ก็กำหนดประกาศในสัปดาห์นี้เช่นกัน
หุ้น Goldman Sachs พุ่งขึ้น 1.9% ในวันจันทร์ หลังจากธนาคารรายงานกำไรไตรมาสแรกที่สูงขึ้น
หุ้น Pfizer บริษัทผลิตยาปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1% หลังจากประกาศว่าจะหยุดพัฒนาเม็ดยาสำหรับลดน้ำหนักในเชิงทดลอง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนยอมเสี่ยงเพิ่มขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อนุมัติการยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ที่นำเข้าจากจีน ส่งผลให้ความวิตกผ่อนคลายลงบ้างหลังจากปั่นป่วนมาหลายสัปดาห์
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดในแดนบวกหลังจากร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 เมื่อวันศุกร์ และหุ้นมากกว่า 96% ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 499.89 จุด เพิ่มขึ้น 13.09 จุด, +2.69%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,134.34 จุด เพิ่มขึ้น 170.16 จุด, +2.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,273.12 จุด เพิ่มขึ้น 168.32 จุด, +2.37%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,954.83 จุด เพิ่มขึ้น 580.73 จุด, +2.85%
ดัชนีตลาดในภูมิภาคทั้งหมดปรับขึ้น โดยเยอรมนีเพิ่มขึ้น 2.9% ขณะที่ฝรั่งเศส สเปน และอังกฤษต่างเพิ่มขึ้นกว่า 2% เช่นกัน
กลุ่มการเงินเป็นกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดัชนีกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 3.9% โดยหุ้น
Deutsche Bank ของเยอรมนี หุ้น Standard Chartered ของอังกฤษ และหุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena ของอิตาลี นำการปรับขึ้น
หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับชิปทั้ง Infineon, ASML และ BE Semiconductor พุ่งขึ้นระหว่าง 2.2% และ 3.4% หลังจากที่ทรัมป์อนุมัติการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บางประเภทที่นำเข้าส่วนใหญ่จากจีน เมื่อวันเสาร์
แม้ตลาดปรับเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ แต่ดัชนีอ้างอิงยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าระดับก่อนที่ทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้เมื่อวันที่ 2 เมษายนอยู่เกือบ 7%
Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ดัชนีอ้างอิง STOXX 600 ในรอบ 12 เดือนจาก 570 เป็น 520 จุด ซึ่งเป็นการปรับลดเป็นครั้งที่สองในเดือนนี้
ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางยุโรปเจะประชุมนโยบาย โดยตลาดต่างคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
สำหรับหุ้นรายตัว หุ้น Novo Nordisk ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 3.7%
หลังจากที่บริษัท Pfizer ของสหรัฐประกาศยุติการพัฒนาเชิงทดลองยาลดน้ำหนักทดลอง danuglipron แล้ว
หุ้นBNP Paribas ธนาคารฝรั่งเศสบวก 4.4% หลังปรับลดคาดการณ์ผลตอบแทนจากเงินลงทุนสำหรับการซื้อกิจการแผนกบริหารสินทรัพย์ของ AXA มูลค่า 5.1 พันล้านยูโร (5.8 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งนักลงทุนมองว่าการปรับลดครั้งนี้น้อยกว่าที่กังวล
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 61.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 64.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–