TKS ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ครึ่งหลังปี 2561 ขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวและความชัดเจนการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า คาดความต้องการสิ่งพิมพ์หนุนออเดอร์คึกคัก “สมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์” เอ็มดี เชื่อมั่นผลงานครึ่งปีหลังโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก อีกทั้งเตรียมรับรู้ปันผลบริษัทลูก TBSP เชื่อรายได้ปี 2561 ทะลุ 2,300 ล้านบาท
นายสมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี (TKS) ผู้ประกอบการธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ในช่วงครึ่งหลังปี 2561 บริษัทฯมองว่าจะปรับตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก ตามทิศทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัว ประกอบกับความชัดเจนการเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 ที่จะเกิดขึ้นเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจสิ่งพิมพ์ เนื่องจากรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหญ่ทั้งส.ส.และการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำให้มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้น
ขณะเดียวกันประเมินว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทฯ จะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ประกอบกับได้รับผลบวกจากการบันทึกรายได้การจ่ายปันผลของบริษัทย่อย บริษัท ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TBSP ซึ่ง TKS มีสัดส่วนการถือหุ้นในปัจจุบันอยู่ที่ 77.74% หรือจำนวน 85,517,830 หุ้น เข้ามาเพิ่มเติม และขณะนี้ TBSP อยู่ระหว่างลุ้นงานบัตรสวัสดิการของรัฐ ทำให้ผลการดำเนินในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับมีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้จากทั้งในส่วนของ TKS และTBSP ประมาณ 700-800 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังนี้ ส่งผลให้บริษัทมีความมั่นใจว่าการเติบโตของรายได้รวมในปี 2561 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,300 ล้านบาท จากปี 2560 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,645.96 ล้านบาท
“บริษัทมีความคาดหวังจะได้รับงานพิมพ์บัตรเลือกตั้ง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนช่วงไตรมาส 4/2561 ซึ่ง TKS มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน หากต้องมีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่มีความซับซ้อนกว่าเดิม และทางบริษัทก็มีโอกาสจะได้งานพิมพ์เอกสารในการหาเสียงด้วย ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการน่าจะมีทิศทางที่ดีในช่วงไตรมาส 4/2561 ส่วนไตรมาส 3/2561 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2561 ที่ผ่านมา” นายสมคิดกล่าว
ขณะที่กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ล่าสุดการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตในช่วงที่เหลือของปีนี้เพิ่มมากขึ้น และเพียงพอรองรับ ออเดอร์จากลูกค้าในอนาคตโดยจะเน้นงานที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าไตรมาส 4/2561 น่าจะได้ข้อสรุป
ส่วนกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการคลังสิ่งพิมพ์ (Ware House) ล่าสุดบริษัทฯได้ทำการรีโนเวทใหม่ บริษัทมีแผนที่จะขยายสัดส่วนสินค้าที่ไม่ใช่สิ่งพิมพ์ (Non-Printing) เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดให้กับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) โดยมีจุดเด่นจากบริษัทย่อย บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ที่ดำเนินธุรกิจขายอุปกรณ์ไอทีมากกว่า 50 แบรนด์ชั้น เริ่มนำ Product ของ SYNEX เข้ามาใช้บริการแล้ว
ขณะเดียวกันบริษัทฯจะปรับใช้กลยุทธ์เชิงรุกในกลุ่มธุรกิจ อี-ฟอร์ม (E-Forms) ปัจจุบันได้มีการให้บริการด้าน E-Ticket และ E-Invoice มาแล้วในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังไม่แพร่หลายเนื่องจากมีต้นทุนในการจัดจ้างที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ลูกค้ายังใช้การออกใบเสร็จที่เป็นกระดาษเช่นเดิม ทั้งนี้มองว่าหากภาครัฐ มีนโยบายออกกฎหมายบังคับให้ผู้ประกอบการใช้การยื่นส่งภาษีในรูปแบบดิจิตอลแพลตฟอร์มจะส่งผลดีกับบริษัทในอนาคต
สำหรับผลประกอบการประจำงวดไตรมาสที่ 2/2561 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 270% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 73.87 ล้านบาท และมีรายได้รวม 588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 304 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวม 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 653 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 163 ล้านบาท