EE เพิ่มทุน 50 สตางค์ ลงทุน CBDB-โรงสกัด

HoonSmart.com>>บอร์ด”อีเทอเนิล เอนเนอยี” เดินหน้าลงทุนกัญชงครบวงจรตามแผน 3 ปี  อนุมัติเพิ่มทุนผู้ถือหุ้นเดิม  2,780 ล้านหุ้น สัดส่วน 1 ต่อ 1 ราคาหุ้นละ 0.50 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 30 มี.ค. 65 รับเงิน 1,390 ล้านบาท  ลงทุนโรงงานสกัดกัญชง/กัญชากลางน้ำ 1,200 ล้านบาท ซื้อหุ้นซีบีดี ไบโอไซเอนซ์  650 ล้านบาท คาดได้ใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ในเดือนมี.ค. รับรายได้ไตรมาส 3 นี้ เจรจาพันธมิตรร่วมลงทุนโรงสกัดจบเม.ย.นี้ 

นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 มีมติอนุมัติการซื้อหุ้น บริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ (CBDB) จำนวน 4 แสนหุ้น มูลค่า 650 ล้านบาท และการเพิ่มทุนจดทะเบียน 3,580 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 2,780 ล้านหุ้น สัดส่วน 1 ต่อ 1 ราคาหุ้นละ 0.50 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 30 มี.ค. 2565 และจัดสรรหุ้นจำนวน 800 ล้านหุ้น รองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นครั้งที่ 1 (EE-W1)

บริษัทฯคาดว่าจะได้รับเงินจำนวน 1,390 ล้านบาท หากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิซื้อหุ้นเต็มจำนวน  ซึ่งจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนโครงการโรงงานสกัดกัญชง/กัญชากลางน้ำ 1,200 ล้านบาทที่คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมดำเนินธุรกิจ ภายในปี 2565 และ/หรือ ลงทุนในโครงการอื่นๆ 200 ล้านบาท

บริษัทจะเป็นผู้นำในธุรกิจกัญชงครบวงจรอย่างแท้จริง  ต้องการเงินทุนที่เพียงพอมาใช้ในการขยายการลงทุนจากการปลูกกัญชง ไปสู่การสกัดสารจากกัญชงซึ่งเป็นธุรกิจต่อเนื่อง และต่อยอดไปจนถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในปลายน้ำในที่สุด ทำให้บริษัทสามารถทำรายได้มากขึ้นโดยมีอัตรากำไรสูงสุด และเมื่อบริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน  สามารถเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทมีช่องทางการค้า และโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น มีทั้งความมั่นคงและสภาพคล่องจากเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอ ก้าวสู่บริษัทกัญชงที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง สร้างเงินปันผลที่คุ้มค่าต่อผู้ลงทุน ก้าวสู่การเป็นยักษ์ใหญ่กัญชงระดับประเทศและระดับโลกต่อไปได้

การลงทุนที่ต่อเนื่องบนกัญชงต้นน้ำ CBDB จะเข้ามาเป็นสินทรัพย์ทางเกษตรกรรมชิ้นใหม่ที่สร้างผลผลิตและรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างงดงาม ด้วยขนาดฟาร์มที่ใหญ่ ระบบที่ดีเยี่ยม จะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตที่มีมาตรฐาน เพิ่มอำนาจการต่อรอง โดยจะเน้นการปลูกเพื่อเอาผลผลิตในรูปแบบอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เพื่อให้บริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เต็มที่

“ตามแผน 3 ปี (2565-2567 )เราจะเป็นผู้นำในธุรกิจกัญชงครบวงจร  แต่ยังไม่ได้จำทำประมาณการตัวเลขรายได้  แต่หากใช้ข้อมูลตลาดต่างประเทศอ้างอิง เติบโต 70-100 %  ซึ่งปีแรกมียอดขาย 400 ล้านบาท ปีหน้าจะมีโรงสกัด รับส่วนต่างได้ คาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้  และปีที่ 3  จะมีสินค้าสำเร็จออกมาจะมีมาร์จิ้นสูง  ส่วนพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมโรงสกัด กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา  เป็นรายใหญ่ มีชื่อเสียงโด่งดัง คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนเม.ย. หรือช้าสุดไม่เกินไตรมาสที่ 2 ปีนี้” นายวรศักดิ์กล่าว

สำหรับบริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าและผลิตกัญชงรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ มีจุดเด่นคือวิธีการปลูกในโรงเรือน (Greenhouse) ด้วยระบบ EVAP (Evaporative Cooling System) ซึ่งเป็นระบบฟาร์มแบบปิดที่จะสามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและป้องกันโรคระบาดได้ดี โดย CBDB มีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองยวง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน เนื้อที่รวม 28ไร่ 95 ตารางวา โดยมีโรงเรือนสำหรับการปลูกพืชกัญชงมากถึง 60 โรงเรือน พื้นที่เพาะปลูกรวมประมาณ 9,600 ตารางเมตร ปัจจุบันมีการเตรียมความพร้อมในส่วนของ ที่ดิน โรงเรือนเพาะปลูก จัดเตรียมวิธีการและเทคนิคการปลูก รวมถึงอยู่ระหว่างการยื่นคำขอรับใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง โดยผ่านการเข้าตรวจสถานที่โดยหน่วยงานรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว  คาดว่าน่าจะได้รับใบอนุญาตดังกล่าวภายในเดือนมี.ค. 2565 พร้อมเริ่มดำเนินการเพาะปลูกรอบแรกทันที ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้จากการขายผลผลิตภายในอย่างรวดเร็วภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565

บริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ บริหารงานโดย นพ.อิสระ เจียวิริยบุญญา ซึ่งเป็นแพทย์ที่ศึกษา และมีประสบการณ์การบริหารโครงการกัญชาทางการแพทย์มาเป็นเวลายาวนาน นอกจากนี้ยังได้ทีมที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งเป็นทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่มีความรู้ประสบการณ์ในการปลูกกัญชงมาช่วยดูแลโครงการอีกด้วย