‘EE’ ลุยปิด 3 ดีลยักษ์ มี.ค. เคจีไอชี้เป้า 3 บาท

HoonSmart.com>>”อีเทอเนิล เอนเนอยี” ประกาศยึดยุทธศาสตร์สร้าง Supply Chain กัญชงครบวงจรใหญ่สุดในอาเซียน บล.เคจีไอคาด กำไรปีละ 200 ล้านบาท ล้างขาดทุนสะสมหมด ปี 67 ให้ราคาพื้นฐานที่ 3 บาท

นาย วรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิปี 2564 กว่า 195 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3,816% จากปีก่อน บริษัทยึดมั่นเป้าหมายการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจกัญชงครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

“ วันนี้ EE เริ่มก้าวแรกอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการลงทุนในกัญชงต้นน้ำ กับบริษัท แคนนาบิซ เวย์ (CW) เจ้าของโรงเรือน Green House ขนาด 9,000 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีศักยภาพสูง และป้อนวัตถุดิบคุณภาพสู่ตลาดได้จำนวนมากพร้อมสัญญารับซื้อที่มีในมือที่มีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

บริษัทประสบความสำเร็จจากงานเพาะปลูกแล้ว โดยบนพื้นที่ 9,000 ตร.ม.  ได้ปลูก crop (รอบการปลูก) แรกจำนวน 50,000 ต้น แบ่งเป็น indoor และ outdoor อย่างละ 30,000 และ 20,000ต้น ตามลำดับ คาดว่าจะได้ช่อดอกแห้งไม่น้อยกว่า 5,000 กิโลกรัม ซึ่งมีราคาขายประมาณ 15,000 บาทต่อกิโลกรัม การผลิตจะมีสาร CBD ไม่น้อยกว่า 15%  คาดว่าจะสามารถปลูกได้ประมาณ 3-4 crop ต่อปี  ประมาณการรายได้ไม่น้อยกว่า 330 ล้านบาทต่อปี สำหรับโครงการ CW

ส่วนเป้าหมายต่อไป การพัฒนาอุตสาหกรรมกลางน้ำ ได้ศึกษาแล้วว่าจะใช้เทคโนโลยีอะไร เหลือเพียงสรุปรายละเอียดเรื่องพันธมิตร รวมถึงเรื่องอุปกรณ์ สเปกเครื่องสกัดอีกเล็กน้อย คาดว่าจะสร้างรายได้ในไตรมาส 4 ปี 2565”

บริษัทตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมปลายน้ำ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เชิงสุขภาพ Premium Supplement Products ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงสุดหากเทียบกับประเภทอื่นๆ และมีคุณภาพตอบสนองกลุ่มเป้าหมายในระดับพรีเมียม (Premium Class) บริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์เหล่านี้สู่ตลาดภายในปี 2566 หรือเมื่อ supply ของวัตถุดิบหรือสารสกัดจากกัญชงในโครงการต้นน้ำของกลุ่มบริษัท EE มีปริมาณและเสถียรภาพมากพอ

“Roadmap ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการเดินตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี   เราตั้งเป้าจะเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจกัญชงครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยจะนำเทคโนโลยีด้านการเกษตร (Smart Farming) และการสกัด มาผนวกกับทีมงานวิจัยด้านต่างๆ เพื่อเชื่อมรวมเข้าด้วยกันและนำสู่ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุด” นาย วรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

ล่าสุด วันที่ 26 ม.ค.2565  บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)  ได้ประเมินราคาบริษัท EE  ไว้ที่ 3 บาทต่อหุ้น โดย CW เพียงโครงการเดียว คาดกำไรจากการดำเนินงานเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565- 2567  ซึ่งจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดในปี 2567 จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคามี upside 43%

นักวิเคราะห์ประเมินว่าตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์จากกัญชงสูง เนื่องจากสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยเฉพาะสารสกัด CBD จากช่อดอกกัญชง รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กระแสความนิยมบริโภคกัญชงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 1 – 3 ปีแรก จะเป็นปัจจัยหนุนราคาผลิตผลกัญชง เนื่องจากอุปทานยังมีจำกัด รวมทั้งภาครัฐฯยังมีการสนับสนุนด้วยการห้ามนำเข้าผลิตผลจากกัญชงไปอีก 4 ปี (ถึงปี 2568) จะเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลการดำเนินงานที่ดีของ EE ผลิตผลจากกัญชงจากแหล่งเพาะปลูกของ CW มีสัญญารับซื้อจากผู้ประกอบการขั้นกลางน้ำแล้ว