HoonSmart.com>>”UBE” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20% งบลงทุน 1,400-1,500 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตฟลาวมันสำปะหลัง ทุ่ม 1,000 ล้านบาทซื้อกิจการ-ร่วมทุน เจรจา 2 ราย ปรับพอร์ตธุรกิจสร้าง New S-Curve มุ่งสินค้ามูลค่าสูง ปี 67 รายได้โตเท่าตัวแตะ 1 หมื่นล้านบาท อีบิทดามาจากธุรกิจแป้ง 65% ส่วนเอทานอลเหลือ 30% ปี 64 ฟาดกำไร 321 ล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ลดP/E เหลือประมาณ 20 เท่า จากระดับ 37 เท่า ดึงดูดนักลงทุน
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโตราว 15-20% อยู่ที่ 7,400 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 6,966.7 ล้านบาท โดยมีแผนปรับพอร์ตธุรกิจขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่มีมูลค่าสูง คาดยอดขายแป้งออร์แกนิค (Organic Starch) ไว้ที่ 53,000 ตัน จากปีก่อนทำได้ 42,442 ตัน แป้งฟลาว (Flour) อยู่ที่ 10,000 ตัน จากปีก่อนขายได้เพียง 199 ตัน โดยจะทำการตลาดผลิตภัณฑ์ฟลาวมันสำปะหลัง เจาะตลาดคนแพ้กลูเตน (Gluten-free) ภายใต้แบรนด์ Tasuko มากขึ้น
นอกจากนี้ยังขยายสู่การผลิตและจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูงชนิดอื่นๆ เช่น กาแฟอินทรีย์ (Organic Coffee) และข้าวอินทรีย์ (Organic Rice) โดยมุ่งมั่นสร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อให้องค์กรเติบโตไปพร้อมกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของภาครัฐ และแนวโน้มความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพของโลก
บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายรายได้ภายใน 3 ปี (2565-2567) จะเติบโต 100 % แตะ 10,000 ล้านบาท จะมาจากธุรกิจแป้งเป็นหลัก โดยเฉพาะแป้งออร์แกนิค และแป้งฟลาว ตามเทรนด์ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นของผู้บริโภค ส่งผลต่อกำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (อีบิทดา) ของธุรกิจแป้งในปี 2567 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 65% จากปีก่อนอยู่ที่ 13% ธุรกิจเอทานอลลดลงเหลือ 30% จากเดิม 81% ส่วนธุรกิจออร์แกนิคจะอยู่ที่ 5% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนอยู่ที่ 6%
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งงบไว้ราว 1,400-1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการขยายกำลังการผลิต ในส่วนฟลาวมันสำปะหลัง (Flour Line2) ราว 400-500 ล้านบาท และอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท รองรับการซื้อกิจการ (M&A) และร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร 2 ราย ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับข้าวออร์แกนิค มูลค่าไม่เกิน 200 ล้านบาท , สารให้ความหวาน(ออร์แกนนิคไซรัป) และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่และขนมหวาน มูลค่าประมาณ 800-900 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 3/2565
ขณะเดียวกันบริษัทมีการลงทุนโซลาร์ลอยน้ำ กำลังการผลิต 2.8 เมกะวัตต์บริษัทสามารถลดต้นทุนพลังงานได้ปีละกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โดยยังมีบ่อน้ำดิบของโรงงานอีก 2 แห่งที่สามารถลงทุนเพิ่มขึ้นได้
นายชุณห์ โภไคศวรรย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบัญชีและการเงิน UBE กล่าวว่า ผลงานในปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 320.9 ล้านบาท เติบโต 223.1% เทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 99.33 ล้านบาท และมีรายได้รวม 6,966.7 ล้านบาท เติบโต 57.1% เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 4,434.5 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 4.6% ถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
บริษัทมีปริมาณขายเอทานอลอุตสาหกรรมเติบโตกว่า 2 เท่าของปริมาณการขายทั้งปี 2563 จากนำมาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ภายใต้แบรนด์ “UBON BIO” และ “KLAR” หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่การเปิดเมืองในช่วงไตรมาส 4/2564 ทำให้มีความต้องการใช้เอทานอลเกรดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทั้งปี 2564 มีปริมาณการขายเอทานอลโดยรวมเพิ่มเป็น 140 ล้านลิตร
ส่วนธุรกิจแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นเป็น 198,947 ตันจากปี 2563 ที่ทำได้ 79,299 ตัน โดยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าหลัก เช่น ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น และบริษัทได้ทำการตลาดฟลาวมันสำปะหลังสำหรับใช้ทำขนมเบเกอรี่เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคคนไทย จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดตลาดฟลาวมันสำปะหลังเป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทย หลังจากที่ UBE จะขยายกำลังการผลิตฟลาวสำปะหลังเพิ่มเป็น 300 ตัน
” ปีนี้เราจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก แต่จะโตมากๆ เห็นชัดเจนในปี 2566 ส่วนกำไรที่ดีขึ้นมากในปี 2564 ช่วยลดสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) ลงเหลือประมาณ 20 เท่า จากที่อยู่ระดับ 37 เท่า ทำให้หุ้น UBE เป็นที่สนใจมากขึ้น ถ้ามีกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายราคาก็จะต้องตอบสนองได้ขนาดนั้น”นายชุณห์กล่าว