HoonSmart.com>> “ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์” ผงาดขึ้นเป็นระดับภูมิภาค ใครไม่ซื้อหุ้นเก็บไว้ จะพลาดโอกาสทอง ตั้งเป้า 3 ปี ทั้งมาร์เก็ตแคป และผลประกอบการ พุ่ง 100% มาจากธุรกิจใหม่สัดส่วน 50% ส่วนปี 65 คาดผลงานโต 35 % ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ส่งบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) เข้าตลาดหลักทรัพย์ต้นปี ไตรมาส 3/64 ฟาดกำไร 100 ล้านบาท โตกระฉูด 76% มั่นใจทั้งปีสร้างประวัติศาสตร์ กำไร All Time High โตมากกว่า 2 เท่า ใจดีจ่ายเงินปันผลพิเศษกลางปี
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเติบโต 70-100% และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) จะเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว เนื่องจากธุรกิจเติบโตทุกกลุ่ม ทั้ง 4 ธุรกิจในปัจจุบัน และแตก 1 กลุ่มธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ Business Development Unit (BU5) เพื่อรองรับเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการและเทคโนโลยีที่พัฒนา ซึ่งจะพัฒนาบริการใหม่ๆ มีการควบรวมเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน ตั้งเป้าธุรกิจใหม่สร้างผลประกอบการไม่ต่ำกว่า 50% ของพอร์ตทั้งหมดในปี 2566
แนวโน้มดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโต 30% ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลต่อเนื่องถึง 3 ปีข้างหน้า จะลงทุนไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนอัตราค่าระวางคาดยังสูงถึงกลางปีหรือไตรมาส 3 แต่โมเดลธุรกิจของบริษัท หากดัชนีค่าระวางกลับมาสู่ภาวะปกติ ก็ยังสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 25-30% ต่อปี ใน 3 ปีข้างหน้าผลจากการลงทุน
” เราเติบโตโดดเด่นมากปีนี้ หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พยายามปรับโมเดลธุรกิจมาตลอด เดิมทำธุรกิจ 4 ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นขนส่งทางอากาศ ขนส่งทางเรือ ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเพิ่มธุรกิจที่ 5 เน้นการเติบโตก้าวกระโดด และยั่งยืนในอนาคต ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Logistics and Beyond” หรือทำธุรกิจมากกว่าโลจิสติกส์ เน้นการจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ เป็นแนวทางการสร้างการเติบโตเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำในระดับภูมิภาค”นายทิพย์กล่าว
นอกจากนี้ประมาณต้นปี 2565 จะยื่นไฟลิ่งข้อมูลของบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล (ANI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรองรับการเข้าเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Asia GSA (M) จัดตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศไทย และกระจายสำนักงานสาขาในอีกกว่า 10 เมืองของภูมิภาคนี้ อาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา โดยมุ่งเน้นเมืองที่เป็นฮับของสายการบิน เป็นเส้นทางการบินหลัก และเป็นฐานการกระจายสินค้าในระดับนานาชาติ เพื่อทำให้เป็นบริษัทระดับภูมิภาค
III ถือหุ้นใน ANI มากกว่า 51% การเข้าตลาดครั้งนี้จะมีผลต่อกลุ่ม คาดมีมาร์เก็ตแคปใหญ่กว่าตอนที่ III เข้าตลาด จะสนับสนุนการเติบโต แต่การดูข้อมูลผลการดำเนินงานของบริษัท จะต้องพิจารณาทั้งรายได้และกำไร ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ กำไรเติบโต 130% แต่รายได้โตไม่ถึง 100%เพราะเงินลงทุน เงินปันผล ไม่ได้นับเป็นรายได้
สำหรับ BU5 วางแนวคิดการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันบริษัทมีโครงการภายใต้ BU5 อาทิ พัฒนาสู่การเป็นผู้นำด้านการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในระดับภูมิภาค ในปัจจุบันเป็นตัวแทนให้แก่สายการบินทั่วภูมิภาคกว่า 20 สายการบิน และปี 65 จะเห็นการเติบโตอีกมาก หลังจาก บริษัท ได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน ANI แล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศสำหรับกลุ่มลูกค้าอี-คอมเมิร์ซ เพื่อรองรับการเติบโตทั้งแบบ B2B, B2C และการให้บริการคลังสินค้า (Fulfillment) โดยจะมีการลงทุนผ่านสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็น Delivery Logistics ซึ่งเติบโตตามธุรกิจจัดส่งสินค้าและอีคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้ เตรียมต่อยอดจากการเข้าไปลงทุนใน ShipSmile ตั้งเป้าเพิ่มสาขาจากกว่า 4,000 สาขา เป็น 10,000 สาขาภายในปี 2565 พร้อมเพิ่มความหลากหลายของบริการ ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส รับจองตั๋ว รับชำระค่าบริการ เป็นต้น โดยวางตำแหน่งของ เป็น Express Shop ที่เป็นมิตรกับผู้ประกอบการขนส่งพัสดุทุกราย
ส่วนการพัฒนาบริการขนส่งสินค้าในระบบราง มีโอกาสมาก เตรียมขยายเส้นทางการขนส่งข้ามแดนระหว่างประเทศ เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าลาว-จีน (BRI) ซึ่งอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาตร์ของประเทศไทยในการเป็นฮับระดับภูมิภาค และเป็นศูนย์กระจายสินค้าในอาเซียน บริษัทตั้งเป้าเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาสแรกปี 2565 ครอบคลุมตั้งแต่มาเลเซีย กรุงเทพ แหลมฉบัง ลาว จีนตอนใต้และตะวันตก และการพัฒนา E-Logistics Platform เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ สุดท้ายบริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิให้กับสินค้ากลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ เป็นการต่อยอดไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง ที่ผ่านมามีการเปิดสำนักงานที่ประเทศสิงคโปร์ โฟกัสกลุ่มขนส่งวัคซีนและยาที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิตลอดการขนส่งและจัดเก็บ
นายทิพย์กล่าวว่า ผลงานไตรมาส 3/2564 กำไรสุทธิ 100.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.26 ล้านบาท หรือ 76% จากช่วงเดียวกันปีก่อน งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ 263.43 ล้านบาท ดีขึ้น 149.23 ล้านบาท หรือ 130.67% ซึ่งมั่นใจผลการดำเนินงานปี 2564 สร้างสถิติ All Time High เติบโตมากกว่า 2 เท่า ซึ่งในปีนี้ บริษัทมีกำไรที่ดีมาก จึงมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลกลางปี จากปกติจ่ายปีละ 1 ครั้ง