SMD แกร่ง แจกกำไรวันแรกเกิน 41% ชู 3 กลยุทธ์ รายได้พุ่งเท่าตัวครึ่งปีนี้

HoonSmart.com>>”เซนต์เมด” สอบผ่านฉลุย วันแรกเข้าซื้อขาย mai ราคาเปิดที่ 10.20  บาทสูงกว่าจอง 41.67% บริษัทเผยนักลงทุนตอบรับดีชอบโมเดลธุรกิจ เปิด 3 กลยุทธ์โดนใจ ผู้นำจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เป็นที่ยอมรับทั่วโลก บุคคลากรมีคุณภาพ บริการหลังการขายรวดเร็ว   ตั้งเป้าเติบโต 15% ในช่วง 3 ปี  มุ่งสมดุลและมั่นคง 

บริษัท เซนต์เมด (SMD) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)วันแรก 17 มิ.ย. นี้ ราคาเปิดกระโดดที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาทหรือ 41.67%จาก IPO ที่ 7.20 บาท  และปิดตลาดที่ 9.95 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 38.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,175 ล้านบาทสำหรับการซื้อขายภาคเช้า

นายวิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซนต์เมด (SMD) เปิดเผยว่า พอใจกับราคาเปิดวันแรก นักลงทุนให้ความสนใจหุ้น SMD เพราะโมเดลธุรกิจ  ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ คือ 1. บริษัทเปิดมา 20 ปี เป็นบริษัทชั้นแนวหน้าในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก 2. บุคคลากรมีคุณภาพ และ3.การให้บริการที่รวดเร้ว โดยตั้งเป้าหมายการเติบโต 15% ในช่วง 3 ปีนี้

“บริษัทตั้งเป้าจะเติบโตเพียงปีละ 15% เพื่อต้องการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน บริการหลังการขายต้องรวดเร็วทันใจ หากไม่ทันในระยะยาวจะไม่ดี ส่วนความเสี่ยง  ก็ดูแลเป็นอย่างดี เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ได้ซื้อป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า ที่ผ่านมาควบคุมได้ดี”นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนงบลงทุน 3 ปี ตั้งไว้กว่า 240 ล้านบาท สร้างศูนย์ตรวจการนอนหลับ-เครื่องมือแพทย์ให้เช่า ธุรกิจปัจจุบันยังมีการเติบโตที่ดี เงินที่ได้จาก IPO จะนำไปต่อยอดธุรกิจเดิม ไม่มีโครงการใหม่ในช่วง 2-3 ปีนี้

สำหรับผลงานครึ่งแรกของปี 2564 มีรายได้จากการขายเติบโตเท่าตัว เพราะสินค้าของบริษัทตรงกับโรคในปัจจุบัน ที่ต้องการเครื่องช่วยหายใจ   และในอนาคตจะมีรายได้จากค่าบริการเพิ่มขึ้น จากการสร้างศูนย์นอนหลับ เปิดเตียงใหม่ 8 เตียง  ใช้เงินลงทุน 90 ล้านบาทใน 3 ปี สัญญาเช่าแต่ละปี  คาดว่าจัดหาสัญญาเช่า 200 ล้านบาท ตอนนี้มีสัญญาอยู่บ้าง แต่ยังไม่ชัดเจน เพราะโรงพยาบาบล เน้นการรักษาโควิดก่อน หลังจากนั้นหากมีความต้องการเพิ่มขึ้น ก็จะมีเงินเพียงพอ และสามารถจัดลิสซิ่งได้ โดยหลังจากเข้าตลาด  D/E ลดลงค่อนข้างมาก อาจจะเหลือ 0.5-0.6 เท่า เพิ่มเป็น  300-400 ล้านบาท

นายวิโรจน์กล่าวถึงสถานการณ์โควิดว่า ส่งผลกระทบต่อบริษัททางบวก ตลาดมีความต้องการสินค้าและบริการมากขึ้น เพราะบริษัทมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบช่วยหายใจและช่วยชีวิต แต่ผลกระทบเชิงลบ เช่น โรงงานผู้ผลิตเคยให้เครดิต 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ตอนนี้ขอเงินมัดจำก่อน และผลิตช้ากว่าที่คาด  สรุปได้ผลเชิงบวกมากกว่า ลบ

ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ในฐานะที่​ปรึกษาทางการเงินให้กับ SMD กล่าวว่า หุ้น SMD เปิดตลาดที่ปรับตัวขึ้นแรง แม้ว่าบรรยากาศไม่ดีก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจที่น่าสนใจ โมเดลธุรกิจ จะเพิ่มรายได้มั่นคงในอนาคต ทั้งศูนย์การนอนหลับ หรือลงทุนเครื่องมือแพทย์ให้เช่า