“ฐิติกร” ไตรมาส 2 กำไรหด 15% สวนต่างประเทศเดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม 6 แห่งในกัมพูชา มั่นใจทั้งปีโตตามเป้า 10% ชูพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อโตต่อเนื่อง 10 ไตรมาสติด
น.ส.ปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร (TK) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด 30/6/2561 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรรวม 215 ล้านบาท และยังเห็นชอบให้ขยายสาขาในกัมพูชาอีก 6 แห่งเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเพิ่มเติมตามแผนที่จะให้มีสัดส่วนรายได้ในประเทศและต่างประเทศ เป็น 50:50 ภายในปี 2563 จากปัจจุบันมีสาขาในกัมพูชาอยู่ 6 สาขาและจะเพิ่มอีก 6 สาขา รวมเป็น 12 สาขาภายในปีนี้ สำหรับเมียนมาร์ ยังรอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
ในปีที่ผ่านมาธุรกิจในต่างประเทศของ TK มีการเติบโตที่เร่งตัวเพิ่มขึ้น โดย ลูกหนี้เช่าซื้อใน 2 ประเทศ ทั้งกัมพูชาและลาว เติบโต 54% คือเพิ่มขึ้นจาก 397 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 เป็น 612 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ คิดเป็น 7% ของลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งหมด และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจในทั้ง 2 ประเทศ โดยครึ่งปีแรกของปี 2561 สามารถทำกำไรได้ 50 ล้านบาท
“กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างเร่งขยายธุรกิจในประเทศที่ประกอบการดำเนินธุรกิจอยู่แล้วทั้งประเทศ รวมทั้งเร่งมองหาตลาดใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ TK เชี่ยวชาญ”น.ส.ปฐมา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ไตรมาส 2 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.20 บาท ลดลง 15.18% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 120.26 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.24 บาท ส่วนครึ่งปีกำไรสุทธิ 213.79 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.43 บาท ลดลง 4.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 223.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.45 บาท
น.ส.ปฐมา กล่าว กล่าวว่า สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ ครึ่งปีแรกของปี 2561 มียอดขายรวม 934,747 คัน ลดลง 1.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2561 พอร์ตลูกหนี้เช่าซื้อของ TK ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 10 ไตรมาสติดต่อกัน ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยยังคงหดตัวเล็กน้อยจากราคาพืชผลการเกษตรที่ไม่สูงมากนัก ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าในประเทศชลอตัว แต่ TK ก็ยังสามารถเติบโตได้ โดยในครึ่งปีแรกรายได้เติบโตประมาณ 8% จาก 1,778 ล้านบาทในปี 2560 เป็น 1,924 ล้านบาทในปี 2561 ส่วนผลประกอบการโดยรวมนั้นยังคงสามารถทำกำไรได้ 214 ล้านบาท ลดลง 4.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน TK มียอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเติบโตขึ้น 2.4% สวนทางกับยอดขายของตลาดในประเทศที่หดตัวลง 1.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อนับรวมสินเชื่อเช่าซื้อจากต่างประเทศด้วยแล้ว กลุ่มบริษัทจะมียอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ขยายตัวขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา ยอดคงค้างสินเชื่อรวม ณ 30/6/61 อยู่ที่ 9,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากสิ้นปี 2560 ลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยังคงเติบโตดี ในขณะที่ลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ลดลง 15.8% ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่จะไม่แข่งขันด้านราคา ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นว่ายอดลูกหนี้สินเชื่อของกลุ่มจะยังคงสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% ในปี 2561