HoonSmart.com>>ก.ล.ต.เร่งสร้างความเป็นธรรมในตลาดทุน ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือน ลงโทษ “จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” บิ๊กเจเคเอ็นฯ เจอปรับหนักสุดทางแพ่ง 2 ล้านบาท บวกค่าตรวจสอบอีกกว่า 1 แสนบาท หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้นำธุรกิจ ชี้เป้า 18+ เตือนผู้บริหารบจ.-บุคคลใด ระวังการสื่อสารชี้นำราคาหลักทรัพย์ของบริษัทมหาชน การให้ข้อมูลเท็จ ยกกรณีชี้แจงตลาดไม่มีข้อมูลที่มีนัยสำคัญ ข่าวดีโผล่ภายหลัง แก้ตัวไม่ได้ ถือว่าผิดกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( ก.ล.ต.) เปิดเผยวันที่ 28 พ.ค.2564 ว่า ได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการผู้จัดการ และกรรมการของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) กรณีเผยแพร่ข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ JKN ในลักษณะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น JKN โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวมจำนวน 2,166,840 บาท
สืบเนื่องจากมีข่าวปรากฏในหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์หลายแห่ง กรณีการเผยแพร่ข้อความการดำเนินธุรกิจของ JKN ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะชี้นำราคาหุ้น JKN และสำนักงานก.ล.ต.ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน เกี่ยวกับการกระทำของนายจักรพงษ์ที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมายในกรณีดังกล่าว
ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เมื่อวันที่ 8 – 9 มี.ค. 2564 นายจักรพงษ์ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในลักษณะว่า JKN เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กัญชงเจ้าแรกเจ้าเดียว และเช่าเวลาสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ แบบ 24 ชั่วโมง โดยสื่อความในทำนองว่าผลการดำเนินงานของ JKN จะดีขึ้นอย่างมาก หรือราคาหุ้น JKN จะปรับตัวสูงขึ้นมาก รวมทั้งมีข้อความในลักษณะชักชวนให้รีบซื้อหุ้น JKN ซึ่งอาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหุ้น หรือข้อมูลอื่นใดของ JKN ที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือต่อการตัดสินใจลงทุนใน JKN
การกระทำของนายจักรพงษ์เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 240 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคสอง และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
สำหรับมาตรา 240 ระบุว่า ห้ามมิให้บุคคลใดบอกกล่าว เผยแพร่ หรือให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน การดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ โดยประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายจักรพงษ์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินจำนวน 2,166,840 บาท
หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ. กำหนดจนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. นำส่งกระทรวงการคลัง
ด้านนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนหรือบุคคลใด ต้องระมัดระวังในการสื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์นั้น นอกจากนี้ หากข้อความที่สื่อสารหรือเผยแพร่ ไม่เป็นจริง หรืออาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลใดที่เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน บุคคลที่สื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลลักษณะดังกล่าวอาจมีความผิดตามกฎหมายได้
นายเอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการสายบังคับใช้กฎหมาย ก.ล.ต. กล่าวว่า การลงโทษครั้งนี้ ถือว่าเป็นการปรับสูงสุดทางแพ่ง 2 ล้านบาท และค่าดำเนินการตรวจสอบอีกกว่า 1 แสนบาท ที่ผ่านมา มีการลงโทษผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในเรื่องนี้น้อยราย ส่วนใหญ่เป็นการกระทำเพราะเผลอพูด โดยไม่ตั้งใจ
อย่างไรก็ตามการเป็นผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทมหาชน มีผลกระทบต่อนักลงทุนจำนวนมาก หากจะพูดหรือให้ข้อมูลต้องระมัดระวัง และต้องรายงานข้อมูลผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นอกจากนี้จะต้องไม่ให้ข้อมูลเท็จ เช่น กรณีตลาดหลักทรัพย์สอบถามข้อมูล ก็ตอบว่าไม่มีพัฒนาการสำคัญ แต่ตอนหลังกลับมีการพิจารณาเรื่องสำคัญอยู่ จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าไม่มีอะไร ซึ่งกฎหมายให้ความเป็นธรรม ต้องดูข้อเท็จจริงประกอบด้วย