โบรกฯ จ่ออัพเป้า RS รุกธุรกิจสินเชื่อ-บริหารสินทรัพย์ต่อยอด Entertainmerce

HoonSmart.com>> “อาร์เอส กรุ๊ป” มองแนวโน้มหนี้ด้อยคุณภาพพุ่ง เห็นโอกาสต่อยอดโมเดลธุรกิจ ทุ่ม 920 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 35% “เชฎฐ์ เอเชีย” ธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย สร้างการเติบโตแบบ New S-Curve ผนึก synergy แข็งแรงมากขึ้น มั่นใจสร้างความแตกต่างและต่อยอดโมเดล Entertainmerce หลายมิติ ขยายรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ ด้านบล.เคจีไอ คาด RS รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปีนี้ 84-105 ล้านบาท หนุน EPS เพิ่มขึ้น 0.09-0.11 บาทต่อหุ้น จ่อปรับราคาเป้าหมายใหม่

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส (RS) กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย เป็นการก้าวสู่ New Era เพื่อสร้าง New S-Curve นั้น การเข้าซื้อลงทุนในกิจการ หรือ M&A เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการสร้าง Ecosystem ให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนมั่นคงในระยะยาว การเข้าลงทุนในครั้งนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ทุ่มงบลงทุน 920 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สถานะทางเงินของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องในระดับสูง ยังสามารถรองรับการเติบโตและการขยายกิจการของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว

บริษัทฯ มองว่าภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยการเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ที่มีบริษัทย่อย 3 บริษัท (ถือหุ้น 100%) ได้แก่ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด และ บริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเรียกรวมว่า กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่

1) ธุรกิจบริหารหนี้ครบวงจร และที่ปรึกษาการบริหารจัดการหนี้ ดำเนินการโดย บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด มีพนักงาน Call center กว่า 400 คน และทีมติดตามและบริหารหนี้กว่า 100 คน สำหรับรองรับการให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าพอร์ตให้บริการติดตามหนี้สินกว่า 45,000 ล้านบาท จำนวนบัญชีลูกหนี้กว่า 3 แสนราย ลูกค้าหลักได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน

2) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เข้าซื้อ รับโอนและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ NPL ทั้งจากกลุ่มสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจนี้ ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด ได้รับใบทะเบียนบริษัทบริหารสินทรัพย์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ปัจจุบัน มีมูลค่าพอร์ตหนี้ภายใต้การบริหารกว่า 27,000 ล้านบาท จำนวนบัญชีลูกหนี้กว่า 1 แสนบัญชี

3) ธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. และ บริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ปัจจุบันมีมูลค่าสินเชื่อคงเหลือประมาณ 300-400 ล้านบาท รวมทั้งหมดกว่า 1,000 บัญชี

สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุน จากการที่กลุ่มบริษัทเชฎฐ์มีการประกอบธุรกิจที่ครบวงจร ตั้งแต่การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การติดตามทวงถามหนี้ บังคับคดีและการให้สินเชื่อรายย่อย และมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังมีทีมผู้บริหาร ทีมงาน และบุคลากร ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การดำเนินการธุรกิจนี้มาอย่างยาวนาน จึงเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้กับอาร์เอส โดยปีที่ผ่านมา คาดว่ากลุ่มบริษัทเชฎฐ์ มีประมาณการรายได้รวมราว 600-700 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณเกือบ 150-200 ล้านบาท

ดังนั้น การที่ อาร์เอส กรุ๊ป เข้าถือหุ้นในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการรุกธุรกิจใหม่ เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ เพราะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และยังมีแผนการเติบโตของพอร์ตบริหารหนี้และยอดสินเชื่อรายย่อยอย่างต่อเนื่องในอนาคต

“นอกจากนี้ จากความร่วมมือของทั้งสองกลุ่มบริษัทในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถสร้าง synergy ที่แข็งแรงมากขึ้น จากการใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทางทรัพยากรและจุดแข็งของแต่ละบริษัทฯ ทั้งในด้านสื่อ ช่องทางการขาย ระบบการบริหารจัดการข้อมูล และ Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป รวมถึงประสบการณ์ความชำนาญในธุรกิจ และภาพลักษณ์ในอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ จะส่งผลให้เกิดประโยชน์เสริมให้กันและกันอย่างมาก อาทิ การขยายฐานลูกค้า ช่องทางการขาย การใช้สื่อและกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ ซึ่งเหล่านี้จะสร้างความแตกต่างและต่อยอดโมเดล Entertainmerce ได้อย่างแน่นอน และจะช่วยเสริมให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์มีการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคตจนเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปี” นายสุรชัย กล่าว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) อยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและราคาเป้าหมายปี 2564 ซึ่งการลงทุนในบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัดจะช่วยให้ RS เติบโตจากธุรกิจใหม่ ซึ่ง RS ตั้งเป้ารายได้รวมของกลุ่มบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จะเพิ่มเป็น 800 ล้านบาทถึง 1.0 พันล้านบาทในปี 2564 และตั้งเป้า net margin ไว้ที่ 30% ซึ่งจะทำให้มีกำไร 240-300 ล้านบาท ซึ่งหากอิงตามเป้าของ RS และคำนวณตามสัดส่วนการถือหุ้น RS จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 84-105 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ EPS ของ RS เพิ่มขึ้น 0.09-0.11 บาทต่อหุ้น

บล.เคจีไอ ประมาณกำไรหลักปี 2564 ที่ 717 ลานบาท (+23% YoY) และปี 2565 ที่ 893 ล้านบาท (+25% YoY) ยังมี upside อีกจากการลงทุนในธุรกิจใหม่ แตอยางไรก็ตามมองว่ายังมีอุปสรรคอยู่บ้างในปี 2564 จากการที่ COVID-19 กลับมาระบาดอีกระลอก จึงเตรียมจะปรับประมาณการใหม่หลังได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์และได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์สำหรับปี 2564 ของบริษัท

 
อ่านข่าว

RS ทุ่ม 920 ลบ. ชื้อหุ้น Chase รุกธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อ