ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในยุโรป ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดทอดผลกระทบทางเศรษฐกิจ ประกอบกับมาตรการ Lockdown ในครั้งนี้ คาดว่าจะไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อน ด้วยประสบการณ์ที่เคยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในช่วงต้นปี-กลางปี ส่งผลให้การ Lockdown ในครั้งนี้ถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดสูงเท่านั้น เพื่อไม่ให้เข้มงวดเกินไป
ดัชนี Composite PMI เบื้องต้นเดือน ก.ย. ในประเทศหลักเริ่มชะลอตัวลง เป็นผลมาจากดัชนีในภาคบริการที่ได้รับแรงกดดันจากการระบาด COVID-19 ระลอกสอง นำโดยสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง -0.2 จุด เป็น 54.4 จุด แม้ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แต่ภาคบริการปรับลดลง -0.4 จุด เป็น 54.6 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 54.7 จุด ยูโรโซนปรับตัวลดลง -1.8 จุด เป็น 50.1 จุด ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 51.9 จุด เป็นผลมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจในภาคบริการ ซึ่งปรับลดลง -2.9 จุด เป็น 47.6 จุด ซึ่งแย่กว่าที่ตลาดคาดที่ 50.6 จุด ญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3 จุด เป็น 45.5 จุด ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 จุด
ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 8.7 แสนราย ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งแย่กว่าที่ตลาดคาดที่จะลดลงเป็น 8.4 แสนราย สะท้อนการฟื้นตัวของตลาดแรงงานเริ่มชะลอลงต่อเนื่อง จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่สวัสดิการภาครัฐเพิ่มเติมยังมีความไม่แน่นอนสูง ล่าสุดพรรค Democrat ได้มีการร่างข้อเสนอใหม่มูลค่า 2.4 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อทำการอนุมัติโดยสภาในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม วงเงินดังกล่าวสูงกว่าระดับที่วุฒิสภาฝ่าย Replubican ยอมรับได้ที่ 1.5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
สภาผู้แทนสหรัฐฯ เห็นชอบผ่านมติต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด Government shutdown ในวันที่ 1 ต.ค. โดยรัฐบาลมีงบประมาณประจำปี 2021 ให้ใช้ได้ชั่วคราว จนถึงวันที่ 11 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานภาครัฐบางส่วน (Government Shutdown) ซึ่งมีการเพิ่มวงเงินในการสนับสนุนโครงการช่วยเหลือด้านโภชนาการเป็นวงเงินประมาณ 8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร จากเดิมสหรัฐฯ มีกำหนดผ่านงบประมาณประจำปี 2021 ภายในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ก่อนที่จะเริ่มงบประมาณใหม่ (ปีงบประมาณ 2021) ในวันที่ 1 ต.ค. ส่งผลให้การผ่านมติต่อเนื่องนั้น เป็นการต่อเวลาในการพิจารณางบประมาณประจำปีเพิ่มเติม
กลยุทธ์การลงทุน
“เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ US Short Duration High Income (SCBUHYA)
“ลดน้ำหนักการลงทุน” กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ (SCBEMBOND)