HoonSmart.com>>”นพพร ศุภพิพัฒน์” ตอบโต้คำสัมภาษณ์”ณพ ณรงค์เดช” กรณีวินด์ เอนเนอร์ยีฯ ไม่ตรงข้อเท็จจริง หาเหตุไม่จ่าย 700 ล้านเหรียญ ยันปัญหาเรื่องที่ดิน ส.ป.ก.ชัดเจนก่อนลงทุน 5 โครงการสุดท้าย แบงก์ถึงกล้าอนุมัติสินเชื่อ 4 หมื่นล้านบาท แฉณพให้ญาติของแม่ยายขายหุ้นวินด์ฯให้เอคิว เอสเตท ราคาหุ้นละ 600 บาท แต่จ่ายค่าซื้อเพียง 90 บาท/หุ้น
นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง (WEH) ส่งจดหมายลงวันที่ 5 ก.ย. 2563 โต้แย้งกรณีนายณพ ณรงค์เดช ให้สัมภาษณ์ว่าการซื้อขายหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยีฯ ดำเนินการถูกต้องตามสัญญาเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ โดยการโอนหุ้นและชำระค่าหุ้นส่วนแรก 190 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ส่วนการจ่าย Bonus Payment (โบนัส เพย์เม้นท์) วงเงิน 525 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ไม่สามารถชำระให้ได้ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข เพราะภายหลังที่เข้าไปบริหารในบริษัทฯ แล้วพบว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 5 แห่ง มีปัญหาทางข้อกฏหมายทั้งเรื่องที่ดิน ยังเป็นที่ดินเช่า และใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งในทางกฏหมายเรียกว่าการซื้อขายทรัพย์สินผิดคำพรรณาหรือเรียกว่าสินค้าไม่ตรงปกก็ได้
“ผมขอโต้แย้งตามสิทธิและข้อความดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างลอยๆที่คลุมเครือและไม่ตรงข้อเท็จจริง ความจริงคือในสัญญาซื้อขายหุ้น ระบุว่าให้ชำระเงินค่าหุ้นงวดแรกภายในเดือนต.ค. 2558 เป็นเงิน 175 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนที่เหลือ 525 ล้านเหรียญสหรัฐกำหนดชำระหลัง 5 โครงการสุดท้าย (ซึ่งเช่าที่ดิน ส.ป.ก) ดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าแล้ว ดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาคือ 15% ปรากฎว่าผมได้รับเงินจำนวน 90.50 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนธ.ค. 2558 และจำนวน 85.75 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนมิ.ย. 2562 เนื่องจากผิดนัดชำระและล่าช้าเป็นเวลาหลายปี นายณพจึงยังค้างเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับเงินค่าหุ้นงวดแรกตามคำชึ้ขาดอนุญาโตตุลาการถึงสิ้นเดือนส.ค. 2563 รวมเป็นเงิน 69.37 ล้านเหรียญสหรัฐ กับค่าชดเชยสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมดอกเบี้ยอีกกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่จ่าย”
ส่วนค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 525 ล้านเหรียญสหรัฐที่นายณพตั้งชื่อเอาเองว่า ”Bonus Payment” นายณพไม่จ่ายโดยอ้างปัญหาด้านที่ดินและไปฟ้องร้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อเท็จจริงคือในวันที่ 31 ม.ค. 2560 ศาลปกครองกลางสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของส.ป.ก.จังหวัดชัยภูมิที่นำพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินไปให้เอกชนเช่า เพื่อสร้างกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะนั้นบริษัทวินด์ฯ ยังไม่ได้ก่อสร้าง 5 โครงการสุดท้าย ซึ่งอยู่ในเขต ส.ป.ก. ต่อมา คสช.ได้ออกคำสั่งที่ 31/2560 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2560 คุ้มครองผู้ประกอบการที่เกิดผลกระทบจากคำพิพากษา โดยให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงกฏหมาย ซึ่งระหว่างที่มีการแก้ไขกฏหมายก็ให้ดำเนินการไปพลางก่อน บริษัทวินด์ฯ จึงเริ่มดำเนินการขออนุมัติสินเชื่อในการสร้างทั้ง 5 โครงการรวมเป็นเงินทั้งสิ้นมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท และได้รับอนุมัติเมื่อ 28 พ.ย. 2560
ดังนั้นก่อนที่บริษัทวินด์ฯ จะเริ่มก่อสร้างโครงการทั้ง 5 นั้นปัญหาเรื่องที่ดินได้คลี่คลายไปแล้ว ไม่เช่นนั้นทางธนาคารคงไม่ปล่อยกู้เงินจำนวนมหาศาลแก่โครงการ และเมื่อโครงการสร้างเสร็จ ดำเนินการผลิตไฟฟ้าแล้ว จึงบรรลุเงื่อนไขตามสัญญาซื้อขายหุ้น ซึ่งนายณพย่อมมีหน้าที่ต้องปฎิบัติตามสัญญาชำระเงินส่วนที่เหลือ
การที่นายณพยกเรื่องที่ดิน ส.ป.ก. มาฟ้องเป็นคดีต่ออนุญาโตตุลาการจึงเป็นแค่ข้ออ้างไม่จ่ายเงินตามคำชี้ขาดฯ เกือบ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ การเอาคดีที่ยังไม่มีคำชี้ขาดมาเป็นข้ออ้างไม่จ่ายเงินตามคดีที่ชี้ขาดแล้วเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล หากนายณพฟ้องคดีด้วยความสุจริตจริงก็ควรนำเงินมาวางเป็นประกัน ถ้าชนะคดีก็ได้คืนไปแต่ถ้าแพ้ก็ต้องถูกยึด แต่นายณพก็ปฎิเสธ อีกทั้งนายณพก็คงจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชำระในส่วนของเงินค่าหุ้นงวดแรกจำนวน 69.37 ล้านเหรียญสหรัฐไปแล้ว ต่อให้ชนะคดี ส.ป.ก.นายณพก็ยังคงผูกพันต้องจ่ายเงินงวดแรกให้ครบอยู่ดี อย่างไรก็ดี คาดว่าคดีที่ดิน ส.ป.ก. ทางอนุญาโตตุลาการน่าจะมีคำชี้ขาดสิ้นปีนี้
นอกจากนั้นที่น่าสังเกตอีกข้อคือนายณพดำเนินการให้นางจาริญา บัวทรัพย์ ซึ่งเป็นญาติของนางกอแก้ว บุญยะจินดา มารดาภรรยานายณพ ขายหุ้นให้กับบริษัท เอคิว เอสเตท (AQ) เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2561 ในราคา 600 บาทต่อหุ้น คิดจากการประเมินมูลค่าบริษัทวินด์ฯที่ 65,280 ล้านบาท (600 บาท x 108.8 ล้านหุ้น) ในขณะที่ราคาที่ผมขายให้คือ 700 ล้านเหรียญ สำหรับหุ้น 60% ในวินด์ฯ ซึ่งคิดเป็นราคาแค่หุ้นละไม่ถึง 350 บาท ซึ่งนายณพจ่ายมาไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ คือหุ้นละไม่ถึง 90 บาท โดยอ้างของไม่ดี ไม่ตรงปกต่างๆ นาๆ แต่ขายหุ้นละ 600 บาท ที่สำคัญเงินที่ได้รับก็ไม่นำมาจ่ายเจ้าหนี้
ทั้งนี้ AQ ซื้อหุ้นวินด์ฯจำนวน 1.5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 600 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 900 ล้านบาท และหุ้นเคยเป็นส่วนหนึ่งที่โอนไปที่นายเกษม ณรงค์เดช และโอนต่อไปที่โกลเด้น มิวสิค ฮ่องกง เป็นที่มาของคดีโกงเจ้าหนี้ที่นายณพเป็นจำเลยทั้งคดีอาญาในไทยและแพ่งที่ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันหุ้นส่วนนี้ถูกนายเกษมฟ้องอายัดปันผลทั้งหมด
อ่านข่าว
วินด์ เอนเนอร์ยี่ ฯ ร่อนหนังสือเชิญผถห.ประชุม อิมแพ็ค 10 ก.ย.นี้
รายงานพิเศษ : “ณพ” กับการผ่าทางตัน WEH หัวใจสำคัญต้อง “โหวตชนะ”
“ณพ” ตั้งโต๊ะเคลียร์ WEH เข้าตลาดหุ้น ปักธง 5 ปี กำลังการผลิต 2 พันเมกก์