HoonSmart.com>>บริษัทรับเหมาก่อสร้าง “ช.การช่าง- ซิโน-ไทย” ไตรมาสแรกกำไรโต 17% รายได้เพิ่ม ด้าน “อิตาเลียนไทย” กำไรหด 58% ต้นทุนพุ่ง และบริษัทย่อยต่างประเทศกำไรลดลง
บริษัทรับเหมาก่อสร้าง รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2562 โดยบริษัท ช.การช่าง (CK) กำไรสุทธิ 355 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.21 บาท เพิ่มขึ้น 53.75 ล้านบาท หรือ 17.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 301.72 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท เนื่องจากรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้น ตลอดจนมีอัตรากำไรขั้นต้นจากงานรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นจาก 7.97% เป็น 8.56% และมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มมากขึ้น
บริษัทฯ มีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างและการขายวัสดุรวม 7,475.35 ล้านบาท คิดเป็น 96.07% ของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 85.61 ล้านบาท หรือ 1.16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้อื่นจำนวน 305.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.63 ล้านบาท หรือ 15.77% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับจากบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ นอกจากนี้มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 257.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.81 ล้านบาท หรือ 28.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 143.51 ล้านบาท หรือ 1.99% โดยต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้างและการขายวัสดุรวมเพิ่มขึ้น 34.13 ล้านบาท หรือ 0.50%
ด้านบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) กำไรสุทธิ 343.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.23 บาท เพิ่มขึ้น 17.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 292.05 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.19 บาท
บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,555.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,180.81 ล้านบาท หรือ 40.58% ซึ่งรายได้หลักที่สําคัญ ได้แก่ รายได้จากการก่อสร้างจํานวน 7,480.79 ล้านบาท รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจํานวน 19.65 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจํานวน 37.06 ล้านบาท
ส่วนค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 2,091.89 ล้านบาท หรือ 41.78% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ป็นผลมาจากต้นทุนงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นตามการรับรู้รายได้จากการก่อสร้างเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นและการบันทึกสำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงานเพิ่มขึ้น 56.94 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าชดเชยเพิ่มเติมกรณีพนักงานเกษียณอายุและเลิกจ้างตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานพ.ศ.2562 ขณะที่ค่าใช้จ่าบหลักสำคัญ ได้แก่ ต้นทุนงานก่อสร้างจำนวน 6,947.58 ล้านบาท ต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการ 5.48 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 146 ล้านบาท
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 547.38 ล้านบาท คิดเป็นกำไรขั้นต้น 7.30% และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 455.19 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เท่ากับ 6.02%
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) กำไรสุทธิ 21 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.004 บาท ลดลง 58% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 52.36 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0099 บาท
สาเหตุที่กำไรลดลงเป็นผลจากบริษัทฯ มีต้นทุนในการให้บริการรับเหมาก่อสร้าง การขายและให้บริการจำนวน 13,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,073 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการให้บริการก่อสร้าง การขายและให้บริการจะเพิ่มขึ้น 868 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 15,261 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 1,356 ล้านบาท จาก 1,562 ล้านบาทและมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 8.89% ลดลงจากงวดปีก่อนอยู่ที่ 10.85% ส่วนหนึ่งเกิดจากบริษัทย่อยในต่างประเทศบางแห่งมีอัตรากำไรลดลง
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างโลจิสติกส์เคอรี่บางนา ระยะที่ 3 ของบริษัท เคอรี่ โลจิสติกส์ (บางนา) มูลค่างาน 372.55 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2562 ระยะเวลาก่อสร้าง 339 วันและโครงการงานจ้างเหมาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค โครงการการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อเขตนวัตกรรมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EECi (ในนามของอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์-อิตัลไทย วิศวกรรมค้าร่วม) ของบริษัท ปตท. มูลค่างาน 2,643.27 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2562 ระยะเวลาก่อสร้าง 540 วัน
บริษัทหลักทรัพย์ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่า CK มีกำไรไตรมาสแรกออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด 39% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 32.05 บาท ส่วน ITD หากตัดรายการพิเศษออกจะมีกำไรปกติ 93 ล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด 24% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 2.52 บาท ขณะที่ STEC กำไรออกมาต่ำกว่าคาด 10% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 29.04 บาท