HoonSmart.com>> บลจ.แอสเซท พลัส ประเมินภาพรวมลงทุนปี 63 ยังผันผวน มองหุ้นไทยปีนี้เป้า 1,650 จุด กรอบล่าง 1,450 จุด ชูรีท กองอสังหาฯ โครงสร้างพื้นฐาน-หุ้นขนาดเล็กน่าสนใจ พร้อมเปิดตัวกองทุน ASP-PROPIN ลงทุน “อสังหาฯ และโคงสร้างพื้นฐานทั้งไทยและต่างประเทศ เติมพอร์ตลงทุน ช่วยกระจายเสี่ยงลดความผันผวน
นายคมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2563 ตลาดหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบสินทรัพย์อื่นๆ แต่ดัชนีมีความผันผวน โดยมองเป้าหมายตลาดหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,650 จุด ซึ่งผลตอบแทนประมาณ 10% จากปัจจุบัน ส่วนกรอบล่างมีโอกาสหลุด 1,500 จุด ลงไปที่แนวรับ 1,450 จุด จากปัจจัยลบที่ยังกดดันการลงทุน ดังนั้นจึงแนะนำกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ เพื่อสร้างผลตอบแทนรวมของพอร์ต
“หุ้นไทยปีนี้คงขึ้นได้ไม่มาก พี/อี 17 เท่า ขณะเดียวกันกรอบล่างก็ไม่น่าลงแรงๆ ระดับดัชนีแถว 1,500 จุด อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4-5% จึงมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเข้าไปรับ เนื่องจากตราสารหนี้แพง ปัจจุบันผลตอบแทนตราสารหนี้อายุ 10 ปี ประมาณ 1.3-1.4% ขณะที่หุ้นกู้เรทติ้ง A อายุ 5 ปี ผลตอบแทนแค่ 2% เท่านั้น ดังนั้นเวลาหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) ลงแรงๆ จึงมีแรงซื้อเข้ามา แต่พอราคาขึ้นระดับหนึ่งจะถูกขายออก ซึ่งเป็นการเล่นรอบของนักลงทุน”นายคมสัน กล่าว
พร้อมกับมองว่าการลงทุนใน 2 กลุ่มที่ยังน่าสนใจ ได้แก่ กลุ่ม REITs การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากผลตอบแทนมั่นคง ปันผลเฉลี่ยประมาณ 4-5% แต่ถ้าต้องการผลตอบแทนที่สูง แนะนำหุ้นขนาดกลางและเล็กเนื่องจากมองว่ายังเติบโตได้ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ต้องเลือกให้ถูกตัว บางตัวผลตอบแทน 30-50% ซึ่งอยู่ในกลุ่มไฟแนนซ์ เป็นต้น
ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่หลายตัว อย่าง กลุ่มแบงก์ สื่อสารค่อนข้างเหนื่อยในการผลักดันกำไร แต่ระยะสั้นการเข้ามาของหุ้นไอพีโออย่าง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล (CRC) อาจทำให้ตลาดคึกคักขึ้น รวมถึงบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) น่าจะหนุนให้หุ้นปตท. (PTT) ไปต่อได้
อย่างไรก็ตามจากมุมมองการลงทุนใน REITs และโครงสร้างพื้นฐานยังมีแนวโน้มที่ดี บลจ.แอสเซท พลัส จึงออกกองทุนเปิด แอสเซทพลัส อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน เฟล็กซิเบิล (ASP-PROPIN) ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนจัดพอร์ตลงทุน โดยเปิดขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ – 7 ก.พ. 2563 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
นายคมสัน กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นโลกในปีนี้ยังอยู่ในช่วงชะลอตัวในปลายวัฎจักร แม้ช่วงที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลายประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ที่มีการเซ็นข้อตกลงเฟสแรกไปแล้วและทิศทาง Brexit น่าจะตกลงกันได้ภายในกำหนด จะหนุนให้ตลาดมีทิศทางฟื้นตัวต่อ อย่างไรก็ตามแต่ตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงจากข้อตกลงการค้าเฟสถัดไป
อีกทั้งช่วงกลางปียังมีความเสี่ยงจากการเลือกตั้งของสหรัฐฯ โดยแนวโน้มของตลาดหุ้นมีทิศทางขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มผันผวน และอาจสร้างผลตอบแทนที่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก จึงจำเป็นต้องจัดพอร์ตกระจายลงทุนและลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก
ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศมองว่าหุ้นจีนยังน่าสนใจ เชื่อว่ารัฐบาลจะจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตังลงมายิ่งทำให้ราคาถูกลงอีกจากสงครามการค้าทำให้ราคาหุ้นจีนลดลง 33% และปรับตัวขึ้นไปได้เพียง 17% ก็ปรับตัวลงอีกหลังมีไวรัสโคโรนา โดยมองธีมลงทุนที่เกี่ยวกับการบริโภคและเทคโนโลีน่าสนใจ ซึ่งตอนนี้จึงเป็นโอกาสซื้อลงทุน
นอกจากนี้หุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ จากสถิติ 32 ปีที่มีการเลือกตั้งมีเพียงปี 2000 และปี 2008 ที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เท่านั้นที่ตลาดหุ้นติดลบ ดังนั้นหากไม่มีปัจจัยที่รุนแรงขึ้นมองว่าปีนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะปรับตัวขึ้นได้ 5-10% โดยมองหุ้นเทคโนโลยี โรโบติกและ AI มีแนวโน้มเติบโตที่ดี
อ่านประกอบ
บลจ.แอสเซทพลัสตั้งเป้า AUM ปีนี้ 4 หมื่นลบ. เสิร์ฟกองทุน ASP-PROPIN กระจายเสี่ยง