HoonSmart.com>>สตาร์เฟล็กซ์เข้าเทรดวันแรกราคาต่ำ ที่ปรึกษาทางการเงิน-ผู้บริหารยืนยันเกิดจากภาวะตลาด ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแรง แนวโน้มรายได้ 3 ปีข้างหน้าโตไม่ต่ำกว่า 10-15% รักษาอัตรากำไรสุทธิ 2 หลัก ตามแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มผลิตภัณฑ์ โรงงานใหม่ผลิต เงินไอพีโอช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าเช่าคลังสินค้า ภาระดอกเบี้ย
บริษัทสตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 19 ธ.ค. 2562 โดยราคาเปิดที่ 3.64 บาท ก่อนที่จะลงไปต่ำสุดที่ 3.50 บาท และมีแรงซื้อเข้ามาสนับสนุนให้ขึ้นไปสูงสุดถึง 3.94 บาท กลับมาปิดที่ 3.76 บาท ลดลง 0.12 บาทหรือ 3.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 335 ล้านบาท
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น SFLEX เปิดตลาดปรับตัวลดลงมาราว 6% จากที่เสนอขายประชาชนครั้งแรก หรือ IPO ที่ 3.88 บาท/หุ้น น่าจะเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นแต่บริษัทยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในระดับที่ดี ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ และยังเป็นผู้นำของผู้ผลิตแพ็คเกจจิ้งด้วย
นาย ปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) กล่าวว่า ราคาหุ้นที่เปิดต่ำกว่าราคา IPO เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง โดยบริษัทยังคงมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเช่นเดิม คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า(2563-2565) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้โตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี และรักษาอัตรากำไรสุทธิเป็นเลข 2 หลัก ซึ่งในปี 2560-2561 บริษัททำได้ 10%
สำหรับแผนการเติบโตในระยะยาว บริษัทมีการขยายลูกค้าใหม่ ๆ โดยตั้งเป้าจะมีทั้งหมด 40 รายในปี 2563 ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 35-37 ราย เป็นลูกค้ารายใหญ่ 4 ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 58% รวมทั้งบริษัทยังมีแผนขยายไลน์การผลิตใหม่ ๆ ให้กลุ่มลูกค้ารายเดิม หลังมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 204 ล้านเมตร/ปี จากโรงงาน 2
นอกจากนี้การนำเงินที่ระดมทุนได้จำนวน 426.80 ล้านบาท ใช้ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ สร้างคลังสินค้าแทนการเช่า และชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน 95 ล้านบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงจาก 1.5 เท่าเหลือ 0.6 เท่าเท่านั้น ส่วนแผนการขยายตลาดไปในประเทศกลุ่ม CLMV คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2564
” SFLEX เป็นหุ้นเติบโตสูง (Growth Stock) ผลการดำเนินงานในปีหน้าเป็นต้นไปจะกลับมาดีตามปกติ จากในช่วง 9 เดือน 2562 ที่ผ่านมา มีกำไร 46 ล้านบาท ลดลง 71 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 60% จากที่มีกำไรสุทธิ 117 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายในการเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ที่โรงงาน 2 และลูกค้ารายใหญ่ชะลอคำสั่งซื้อ ในปี 2563 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามา และมีลูกค้ารายใหม่ด้วย”นาย ปรินทร์ธรณ์กล่าว
บล.ทรีนีตี้ แนะนำซื้อหุ้น SFLEX ให้ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ให้ Big Brand มุ่งขยายฐานสินค้า เจาะตลาดใหม่ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 และ 2563 จำนวน 75 ล้านบาท และ 139 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปี 2560- 2564 ประมาณ 4.1% คาด ในระยะ 2-3ปี มีปัจจัยจากกลยุทธ์เจาะตลาดสินค้าใหม่ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค (Non-Food) รวมถึงการขยายตลาดไปยังกลุ่มบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าบริโภค (Food) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของสินค้าบริโภคมีสูงและเป็นตลาดใหญ่ และจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้ ประมาณการ รายได้จากการขายโตเฉลี่ยปี 2560-2564 ประมาณ 3.9%
อ่านประกอบ