MTS รุกตลาดทองคำจีน ต่อยอดธุรกิจครบวงจรเอเชีย

HoonSmart.com>>MTS เป็นตัวแทนอาเซียน ได้สิทธิเป็นผู้ค้าทองคำในตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ เชื่อมตลาดทองคำไทยเข้าสู่เส้นทางสายไหมยุคใหม่ ต่อยอดธุรกิจการลงทุนครบวงจรในตลาดเอเชีย เพิ่มทางเลือกนักลงทุนไทยสู่การเทรดสินค้าในระดับโลก คาดรายได้โต 30%  เล็งขยายธุรกิจตลาดสินค้าโภคภัณฑ์  ส่วนแนวโน้มราคาทอง จับตาเบร็กซิท ถ้าโหวตโน หวั่นจุดชนวนวิกฤตยุโรป ดันราคาวิ่งเข้าหาไฮเดิม 1,900 ดอลลาร์ 

MTS ร่วมมือกับตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้อย่างเป็นทางการ

นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานฝ่ายบริหารบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดค้าทองคำเซี่ยงไฮ้ Shanghai Gold Exchange (SGE) โดยได้รับสิทธิในการเข้าถึงและซื้อขายสินค้ากับตลาด SGE และมีใบอนุญาตทำธุรกิจทองคำครบวงจร ทั้งในสินค้าประเภท Physical และ Trading บริษัทสามารถนำเข้าและส่งออกทองคำ, การทำเครื่องประดับทอง และมีบริการซื้อขายทองคำ ร่วมกับสมาชิกกว่า 110 ประเทศทั่วโลก คาดว่าการเชื่อมตลาดทองคำของไทยและจีนในครั้งนี้ ทำให้บริษัทมีรายได้จากปริมาณการซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้น 30% และนักลงทุนไทยมีทางเลือกมีศักยภาพในการซื้อขายสินค้าในระดับโลก

สำหรับตลาดค้าทองคำเซี่ยงไฮ้หรือ SGE เป็นหนึ่งในตลาดศูนย์กลางการซื้อขายทองคำรายใหญ่ระดับโลก จัดตั้งโดยธนาคารกลางจีน เพื่อให้มีการซื้อขายทองคำและบริการอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าตลาดซื้อขายทองคำขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ขณะที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้าประเทศไทย หรือ TFEX เป็นที่ 1 ของอาเซียน และติดท็อปไฟร์ของโลก

นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold เป็น 1 ใน 2 บริษัททองของไทยที่ได้รับใบอนุญาตครั้งนี้ โดยบริษัทเอ็มทีเอสฯเปิดให้บริการแล้ว ถือเป็นตัวแทนของอาเซียนในการเชื่อมต่อตลาดทองของจีน ซึ่งสอดรับกับแผนการดำเนินงานของ MTS Gold ในการขยายตลาดซื้อขายทองคำไปสู่ความเป็นสากลมากขึ้นในเอเชีย ไปยังประเทศฮ่องกง ประเทศสิงคโปร์ และในปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทยังได้รับสิทธิในการเป็นโบรกเกอร์ทองคำรายแรกของประเทศไทยในการเข้าถึง ตลาดทองคำ COMEX ที่บริหารจัดการโดย CME Group และในปี 2562 ขยายตลาดค้าทองคำเซี่ยงไฮ้ ถือว่าบริษัทได้ก้าวสู่อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในนโยบาย One Belt One Road กับทางการจีน หรือเป็นการเชื่อมตลาดทองไทยสู่เส้นทางสายไหมทองคำ จะช่วยต่อยอดเศรษฐกิจของไทยในการส่งออกทองคำไปยังจีนมากขึ้น

นอกจากนี้ MTS Gold ยังมีเป้าหมายในการต่อยอดธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางสำหรับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆในตลาดเมืองจีนได้ เช่น เงิน ยางพารา ทองแดง และน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และมีประโยชน์ต่อประเทศไทยมาก ราคาขายจะมีเสถียรภาพ เกษตรกรจะมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดการพึ่งพาเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในการดูแลราคาสินค้าเกษตรเหมือนที่ผ่านมา

“บริษัทสามารถเติบโตได้มากขึ้นจากปริมาณการซื้อขายกับตลาดทองคำที่มีขนาดใหญ่  เปรียบได้กับการซื้อขายในหนึ่งวันของจีนจะเท่ากับการซื้อขายตลาดทองคำไทยทั้งปี ด้วยประสบการณ์ของกลุ่ม MTS Gold ที่มีความเชี่ยวชาญ  มีสินค้าการลงทุนด้านทองคำและอนุพันธ์อย่างครบวงจร พร้อมด้วยเครื่องมือหรือนวัตกรรมที่ทันสมัยตอบโจทย์การลงทุนในโลกยุค 4.0 เชื่อมนักลงทุนไทยไปสู่ตลาดทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก คือ ตลาดทอง COMEX และสามารถเสริม Physical Gold ตลาดค้าทองคำเซี่ยงไฮ้ ” นายณัฐพงศ์กล่าว

ส่วนแนวโน้มธุรกิจทองคำในประเทศ จะต้องเปลี่ยนมาเน้นเรื่องงานฝีมือมากขึ้น เพราะผลิตสู้จีนไม่ได้ จากการไปดูงานที่จีน ได้ใช้หุ่นยนต์ในการผลิตทองคำแล้ว

แนวโน้มราคาทองล่วงหน้า นายณัฐพงศ์ คาดว่า สงครามการค้ายังไม่น่าจะมีข้อยุติในเร็วๆนี้ จะมีผลให้ราคาทองปรับตัวขึ้น  จากกรอบเคลื่อนไหว 1,480-1,510 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือบาทละ 21,300-22,000 บาท ไปอยู่ที่ 1,550-1,600 ดอลลาร์ มีโอกาสถึง 23,000  บาท ตอนนี้ให้ความสำคัญกับเบร็กซิท มากกว่าสงครามการค้า หากโหวตโน ก็น่าจะก่อให้เกิดวิกฤตที่ยุโรป จึงมีโอกาสทื่ราคาทองจะวิ่งกลับไปสู่จุดสูงสุดเดิมที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 300 ดอลลาร์/ออนซ์