แบงก์-ค้าปลีก-อสังหาฯเด่นรับจีดีพี

2 กลุ่มหลังน่าสนใจ หุ้นยังไม่ขึ้น โพลล์นักวิเคราะห์แนะลงทุน 5 หุ้น BBL,CPALL,AOT,IVL,PTT สภาพัฒน์ปรับเป้าเศรษฐกิจปีนี้โต 4.5% ใกล้เคียงกสิกรฯ

เมื่อเช้าวันที่ 21 พ.ค. 2561 ประเทศไทยมีข่าวดี เรื่องเศรษฐกิจไตรมาส 1/2561 เติบโตถึง 4.8% ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรงถึง 14.14 จุด บวก 0.81% ดัชนีปิดที่ 1,768.31 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลาง 47,171 ล้านบาท นำโดย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ดัชนีบวกแรง 2.2% แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขาย 2,199 ล้านบาท

นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไตรมาส 1 เติบโตมากกว่าที่บริษัทฯคาดการณ์ไว้ที่ 3.9-4.2% เนื่องจากการลงทุนของภาครัฐกลับมาเติบโตถึง 4% แต่จะต้องติดตามดูตัวเลขในไตรมาส 2 และ 3 ซึ่งวัฎจักรการลงทุนจะน้อยกว่าต้นปีและปลายปี

ทั้งนี้ในปีนี้มีโอกาสที่การลงทุนของภาครัฐจะดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 และ 3 ของปีที่ผ่านมาที่โตติดลบ

“ เศรษฐกิจที่ขยายตัวดีมาก จะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “นางวชิราลักษณ์กล่าว

ในส่วนธุรกิจอสังหาฯยังได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ไม่สามารถปรับขึ้นตามต่างประเทศ และบริษัทหลายแห่งยังมีกำไรที่ดีกว่าภาพรวมอสังหาฯในไตรมาส 1 ตามยอดการขายบ้านแนวราบ แต่ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นตามผลงาน และโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2562 และเต็มขบวนในปี 2563

ส่วนหุ้นค้าปลีก เช่น บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL)ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมาก จนน่าจับตามอง คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะดีขึ้น จากในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ฤดูฝนมาเร็วเกินไป ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มที่มีมาร์จิ้นสูง ไม่ดีเท่าที่ควร

สำหรับหุ้นธนาคารที่ปรับตัวขึ้นรับจีดีพีเติบโตเกินคาด ยังไม่แน่ใจว่าผลงานจะดีขึ้นแค่ไหน จะต้องติดตามต่อไป เพราะธุรกิจอยู่ระหว่างการปรับตัว มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีมารองรับการให้บริการ แต่ในระยะยาวต้นทุนการดำเนินงานจะลดลง

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ส่วนใหญ่มองหุ้นระยะสั้นยังคงเป็นไซด์เวย์ และ54.15% มองว่าดัชนีจะอยู่ที่ 1,785 จุด สิ้นเดือนพ.ค. คาดต่ำสุดจะอยู่ที่ 1,703 จุด และสูงสุดจะอยู่ที่ 1,885 จุด ขณะที่ค่าเฉลี่ยของดัชนีฯทั้งปีจะอยู่ที่ 1,860 จุด

ส่วนหุ้นที่นักวิเคราะห์ 6 สำนักขึ้นไปแนะนำซื้อ ได้แก่ AOT , BBL, CPALL ที่ผลงานจะเติบโตจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว IVL กำไรจะเติบโตแข็งแกร่ง และ PTT ที่มีการขยายการลงทุนพื้นที่อีอีซี

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ปีนี้และปีหน้าตลาดหุ้นโลกอยู่ในช่วงท้ายของตลาดกระทิง จากนั้นจะเข้าสู่ถดถอย ราคาหุ้นจะลดลง 25% ในช่วง 2-3 เดือนหรือมากกว่านั้น ก่อนจะเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ ส่วนตลาดหุ้นไทยจะยังขึ้นต่อแตะระดับ 1,850 จุดในปีนี้ และเพิ่มเป็น 1,950-2,00 จุดในปีหน้า

“ปีนี้เป็นปีที่ยากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น แต่หุ้นไทยจะไม่ลงมาก กำไรบจ.ยังโตอยู่ พี/อีที่ 15 เท่าถือว่าไม่แพงและยังเหมาะสมอยู่จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและของไทยโต 4%”นายไพบูลย์กล่าว

ด้านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เปิดเผยว่า ทาง สศช. ได้ปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2561 จะขยายตัวได้ที่ 4.5% หรือเคลื่อนไหวภายในกรอบ 4.2-4.7% ซึ่งเป็นการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่คาดว่าอยู่ที่ 4.1%

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เศรษฐกิจไตรมาส 1 น่าจะเติบโตสูงที่สุดของปี และมีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ขยายตัวเข้าใกล้กรอบบนของประมาณการที่ 3.5-4.5%ในปีนี้ โดยจะทบทวนประมาณการในช่วงเดือนมิ.ย.นี้

ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินเศรษฐกิจ มีโอกาสสูงที่จะโตมากกว่า 4% ช่วงที่เหลือของปีจากแรงส่งต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ส่วนประเด็นการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกในช่วงไตรมาส 1 แต่ช่วงกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาเงินบาทเริ่มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องช่วยลดแรงกดดันลงบ้าง