TLUXEขายโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นเฉียด1.4พันล. ซื้ออสังหาฯเวียดนาม

บอร์ดไทยลักซ์ฯจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ ขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในญี่ปุ่น COD แล้ว 5 โครงการ ร่วม 1,375 ล้านบาทให้กองทุนญี่ปุ่น ไปร่วมลงทุนอสังหาฯที่เวียดนาม ได้ผลตอบแทนจากการขายห้องชุด 50% ของโครงการ ได้ 6% ต่อปีด้วย โอนธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำให้บริษัทย่อยดูแล

คณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์(TLUXE) มีมติอนุมัติให้จำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกันที่โออาซาทซึรูมิ เบบปุ จังหวัดโออิตะ ในประเทศญี่ปุ่น และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD)แล้ว รวม 15 โครงการ โดยมีราคาซื้อขายประมาณ 320 ล้านเยนต่อ 1โครงการ หรือประมาณ 91.71 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 4,800 ล้านเยน หรือ 1,375.69 ล้านบาท ให้แก่ กลุ่มกองทุนญี่ปุ่น (ReEnergy All Japan Fund) โดยมีกลุ่ม Relocation เป็น Lead Investor โดยตั้งกองทุนขึ้นจากกลุ่มนักลงทุน Tokumei Kumiai โดยมีทาง Dogan และ Nomura Securities Japan เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าในรูปแบบการจำหน่ายหุ้นในบริษัทย่อยของบริษัทฯซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าหรือโดยการจำหน่าย
ทรัพย์สินของโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งบริษัทฯ และผู้ซื้ออยู่ในระหว่างเจรจาและจะลงนามในสัญญาดังกล่าว

นอกจากนั้นบอร์ดยังมีการอนุมัติให้บริษัทฯ ร่วมลงทุนกับบริษัท ริช พาร์ทเนอร์ส เป็นเงินประมาณ 911.83 ล้านบาท ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทผสมผสาน (Mixed Use) ชื่อ อาคารริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม พัฒนาโดยบริษัท ซัน ฟรอนเทียร์ อินเวสท์เม้นท์ ตั้งอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศเวียดนาม และบริษัทฯ จะมีสิทธิในการจำหน่าย และได้รับผลตอบแทนทั้งหมดจากการจำหน่ายห้องชุดพักอาศัยของโครงการริเวอร์โซด์ ซึ่งบริษัทฯ ได้คัดเลือกและตกลงกับผู้ร่วมทุน คิดเป็นพื้นที่รวมประมาณไม่ต่ำกว่า 50% ของโครงการ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนการร่วมลงทุนเพิ่มเติมจากผู้ร่วมทุนในอัตรา 6% ต่อปี

ขณะเดียวกันบริษัทจะมีการปรับโครงสร้างกิจการ โดยโอนกิจการบางส่วนในกิจการผลิตอาหารสัตว์น้ำ ได้แก่ สายการผลิตอาหารกุ้ง และอาหารปลา และการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และที่ใช้ในการประกอบธุรกิจดังกล่าว ให้บริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่โดยบริษัทฯถือหุ้น 100% คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในปี
2561