ASP แนะหุ้นเด่น PTTEP-AMATA

HoonSmart.com>>เอเซียพลัสคาดสัปดาห์นี้ ดัชนีแกว่งแถว 1,720-1,750   จุด ขึ้นหรือลง รอผลเจรจาสหรัฐ-จีนชี้นำ  เตือนพี/อีสูงถึง 16.7 เท่า เกินเป้าหมาย

บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซียพลัส (ASP) คาดแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่จะถึง (1-5 ก.ค.2562) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะอยู่ในกรอบ 1,720 – 1,750 จุด  จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 1,730.34  จุด โดยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในพอร์ตหุ้นไทยไว้ที่ระดับ 40% ของพอร์ตรวม ส่วนหุ้นเด่นคือ PTTEP มูลค่าเหมาะสม 166 บาท และ AMATA มูลค่าเหมาะสม 35.70 บาท

อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนไหลเข้าผลักดันดัชนีปรับตัวสูงขึ้น จนปัจจุบันมีค่าพี/อีถึง16.7 เท่า สูงกว่าค่า P/E เป้าหมายที่ฝ่ายวิจัย ประเมินไว้ แต่หากเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังของค่า P/E ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 17.7 เท่า ก็ถือว่าเหลือ Upside จำกัด

ทิศทางตลาดในสัปดาห์นี้ให้น้ำหนักปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศขึ้นอยู่กับผลการเจรจาเรื่องสงครามการค้าระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มีความคาดหวังเชิงบวก อย่างน้อยที่สุดควรจะเห็นการเลื่อนกำหนดการบังคับใช้กำแพงภาษีรอบที่ 4 ของสินค้านำเข้าจากจีนสู่สหรัฐฯ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐออกไป แต่หากผลออกมาไม่ดีอย่างที่คาด ก็อาจส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นได้ ส่วนปัจจัยในประเทศคาดว่าจะเห็นแรงกดดันจากการปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2562 ส่วนประเด็นการเมืองคาดว่าจะได้รัฐบาลใหม่ หลังจากนั้นจะเป็นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

หุ้นเด่นสัปดาห์นี้เลือก PTTEP จากความคาดหมายว่าราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มขยับขึ้นได้ มีประเด็นเรื่องการควบคุมอุปทานของฝ่ายผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ทิศทางเงินบาทแข็งค่า ยังส่งผลบวกต่อบริษัทในเรื่องภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ปรับลดลง ราคาหุ้นปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนปันผลราว 3.6% ต่อปีประเด็นการเข้าซื้อบริษัท Partex Holding B.V. (Partex) มูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ และปริมาณการผลิตปี 2563 เพิ่มขึ้นราว 5% จากกำลังการผลิตในปัจจุบัน และได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในการพัฒนา (FID) และก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบน บกในโครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองให้แก่ PTTEP

ส่วน AMATA  คาดว่าจะเห็นความต้องการที่ดินในพื้นที่ EEC สูงขึ้น หลังการย้ายฐานการผลิตเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมมากขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นการปรับราคาขายที่ดินสูงขึ้น น่าจะเป็นผลดีต่อประสิทธิภาพการทำกำไรในอนาคตรวมถึง NAV

สำหรับหุ้นอื่นที่มีโอกาส Outperform ตลาดได้ ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งอาจมีจังหวะให้เพิ่มเข้ามาในพอร์ตได้ในอนาคต