การลงทุนจีนเปลี่ยนภูมิทัศน์เศรษฐกิจไทย ทะยานติด 1 ใน 4 FDI ทำกำไรดีกว่า 100%

HoonSmart.com>>สินค้าและเงินลงทุนจากต่างชาติ เปลี่ยนภูมิทัศน์เศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะจีน มีอิทธิพลเหนือ ภาคการค้า การผลิต และอสังหาริมทรัพย์ ครองสัดส่วนการลงทุน 1 ใน 4 ของ FDI แซงญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสิงคโปร์ ตะลึงธุรกิจต่างชาติทำกำไรดีกว่าบริษัทไทย 100% เหตุได้สิทธิพิเศษทางภาษี

สรุป รายงานการศึกษา “การเข้ามาของสินค้าและการลงทุนทำธุรกิจของต่างชาติที่เปลี่ยนไป” โดย คณะผู้ทำการศึกษา ประกอบด้วย พรวลี พิลาวรรณ,รสสุคนธ์ ศึกษานภาพัฒน์,ณัคนางค์ กุลนาถศิริ,จิรัฐ เจนพึ่งพร,อภิชญา ผู้อุตส่าห์ ชี้ว่า จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางการค้าและการลงทุนในไทย แซงหน้าญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสิงคโปร์ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี ส่งผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการท้องถิ่น และกำหนดทิศทางการแข่งขันในอนาคต

การนำเข้าสินค้าจีนพุ่ง 

ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีนที่เติบโตเกือบ เท่าตัว ขณะที่การนำเข้าจากประเทศอื่นเพิ่มเพียง 20%

กลุ่มสินค้าที่ไทยพึ่งพาจีนมากที่สุด 6 ประเภท ได้แก่เฟอร์นิเจอร์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม,เครื่องใช้ไฟฟ้า,โลหะและวัสดุก่อสร้าง,ปิโตรเคมีและพลาสติก,ยานยนต์และชิ้นส่วน

สินค้ากลุ่มนี้รวมกันคิดเป็น 30% ของ GDP การผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย ส่งผลให้ SMEs กว่า 200,000 ราย และแรงงานกว่า 2 ล้านคน ต้องเผชิญแรงกดดันการแข่งขันอย่างหนัก

ตัวเลขล่าสุด สัดส่วนการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากจีนต่อยอดขายในประเทศเพิ่มจาก 56% ก่อนโควิด-19 เป็น 75% ในไตรมาส 1/2568 ส่วนสิ่งทอเพิ่มจาก 36% เป็น 44% ในช่วงเดียวกัน

ขณะที่ราคาสินค้าจีนเฉลี่ยถูกกว่าประเทศอื่น 3–5 เท่า ทำให้ผู้บริโภคไทยเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่ผู้ผลิตในประเทศสูญเสียส่วนแบ่งตลาดต่อเนื่อง

จีน ครอง 1 ใน 4 ของ FDI 

ในด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จีนขึ้นแท่นนักลงทุนต่างชาติอันดับหนึ่งของไทยตั้งแต่ปี 2566 โดยมีสัดส่วนสูงถึง 25% ของเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด และ 20% ของจำนวนบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในประเทศ

ธุรกิจจีนที่เข้ามามีลักษณะเฉพาะ คือ เกือบ 90% เป็นธุรกิจขนาดเล็กและจิ๋ว แต่เงินลงทุนมากกว่าครึ่งมาจากธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ที่ร่วมทุนกับคนไทย โดยถือหุ้นไม่เกิน 50% แตกต่างจากญี่ปุ่นที่การลงทุนกว่า 90% มาจากบริษัทขนาดใหญ่

ยึดหัวหาด 3 อุตสาหกรรม ได้แก่

อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และสมุย

การค้า  ครอบคลุมทั้งค้าส่งและค้าปลีก

การผลิต  เน้นยาง พลาสติก ชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหาร

นอกจากนี้ ยังพบว่าในภาคเหนือ นักลงทุนจีนหันมาถือครองอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว ผ่านการเช่า leasehold และทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อรองรับนักเรียนและครอบครัวจีนที่เข้ามาอยู่อาศัยระยะยาวในเชียงใหม่มากขึ้น

กำไรธุรกิจต่างชาติแกร่งกว่าไทย

การวิเคราะห์งบการเงินพบว่า ธุรกิจที่มีนักลงทุนต่างชาติร่วมถือหุ้นทำกำไรและมี ROE สูงกว่าธุรกิจไทย 100% ส่วนหนึ่งเพราะมีโครงสร้างต้นทุนต่ำกว่า และได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี

ธุรกิจจีนขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมยาง พลาสติก และยานยนต์ แสดงผลประกอบการเหนือกว่าคู่แข่งไทยอย่างชัดเจน ด้วย economies of scale เทคโนโลยีขั้นสูง และการสนับสนุนจากภาครัฐจีน

ขณะที่ธุรกิจไทยแม้มีจุดแข็งด้านการใช้วัตถุดิบในประเทศ แต่ยังเผชิญข้อจำกัดจากแรงงานทักษะต่ำและกฎระเบียบที่ล้าหลัง

E-commerce เปลี่ยนโฉมการค้า

อีกหนึ่งปัจจัยที่เปลี่ยนโฉมการค้า คือ การนำเข้าสินค้าเร่งด่วน ซึ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังโควิด-19 โดยปี 2567 มีมูลค่าสูงถึง 1,288 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 83% จากปี 2562 และ 77% ของสินค้าทั้งหมดมาจากจีน

สินค้าหลักที่ไหลเข้ามาคือ สิ่งทอ พลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้า ผ่านด่านศุลกากรนครพนมและมุกดาหารเป็นหลัก อาศัยเส้นทางบก R9 และ R12 ที่ใช้เวลาเพียง 2–3 วัน ทำให้ไทยกลายเป็นประตูสำคัญของสินค้า e-commerce จีนสู่ภูมิภาค

แนะไทยเร่งยกระดับการแข่งขัน

ทั้งนี้ คณะผู้ทำการศึกษา “การเข้ามาของสินค้าและการลงทุนทำธุรกิจของต่างชาติที่เปลี่ยนไป” ได้เสนอ 3 แนวทางเชิงนโยบายที่รัฐบาลไทยควรพิจารณาอย่างเร่งด่วน ได้แก่

1.เข้มงวดการนำเข้า ตรวจสอบมาตรฐาน ป้องกันการทุ่มตลาด และบังคับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างชาติตั้งสำนักงานในไทย

2.ปรับสิทธิประโยชน์การลงทุน ให้ความสำคัญกับ joint venture และติดตามประเมินผลทุก 3 ปี

3.ขยายตลาดใหม่ ผ่านการเจรจา FTA ควบคู่การพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่ม และเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ เพื่อลดการพึ่งพาจีน