BCP ดูดี กำไรครึ่งปีหลังโต จับตากลยุทธ์ ทรีนีตี้แนะเก็งกำไร ดาโอเชียร์

HoonSmart.com>>”บางจาก คอร์ปอเรชั่น”(BCP)เทรดครึ่งเช้าวันนี้ บวก 0.81% ปิดที่ 31 บาท หลังจากดีดขึ้นไปสูงสุดแตะ 31.50 บาท บล.ทรีนีตี้แนะเก็งกำไร คงราคาเป้าหมาย 37.25 บาท บล.ดาโอปรับคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ  ยืนมูลค่าเหมาะสม 34  บาท เห็นกำไรครึ่งปีหลังโตขึ้น มองความท้าทายกลยุทธ์ระยะยาวดัน EBITDA พุ่งเท่าตัวปี 71 ด้าน BCPG  เพิ่มขึ้น 4.35%

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ปรับตัวขึ้น 0.81% เพิ่มขึ้น 0.25 บาทปิดที่ 31 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 66 ล้านบาท  ราคาขึ้นไปสูงสุดแตะ 31.50 บาท และบริษัทบีซีพีจี (BPCG) เพิ่มขึ้น 4.35% หรือ 0.35 บาท ปิดที่ 8.40 บาท สำหรับการซื้อขายภาคเช้า 

บล.ทรีนีตี้ คงคำแนะนำให้เก็งกำไรหุ้น BCP และคงราคาเป้าหมายที่ 37.25 บาท หลังมีโอกาสเข้าร่วม BCP Group Investor Forum 2025 ซึ่งผู้บริหารตั้งเป้าหมายเพิ่ม EBITDA ให้เติบโตเป็นสองเท่าภายในปี 2571 พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ Refinery & Marketing, Biofuels, Trading, Upstream Power & Infrastructure นอกจากนี้ยังเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน 3 ปี เพื่อสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น หลังมองว่าราคาหุ้นค่อนข้างต่ำกว่ามูลค่า พร้อมสร้างความมั่นใจต่อผลงานในอนาคตที่จะออกมาแข็งแกร่ง

” เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตในอนาคต แต่ก็เป็นเป้าหมายที่ท้าทายเช่นกัน ในระยะสั้น เราเห็นปัจจัยบวกจากธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐฯที่จะมีการปรับ Capacity Charge จาก 29 เหรียญ/MW/วัน เป็น 270 เหรียญ/MW/วัน จากปริมาณไฟฟ้าที่ค่อนข้างขาดแคลนจากความต้องการใช้ในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์และ AI เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าการกลั่นในครึ่งปีหลังอยู่ในระดับ 75 เหรียญ/บาร์เรล ดีกว่าครึ่งปีแรกที่ระดับ 45 เหรียญ/บาร์เรล”บล.ทรีนีตี้ระบุ

บล.ดาโอ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” หุ้น BCP ที่ราคาเป้าหมายเดิมปี 2568 ที่ 34 บาท โดยมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มกำไรสูงขึ้นครึ่งหลังปี 2568 หลักๆจากอัตราการกลั่นน้ำมันดิบ (crude run) และค่าการกลั่นที่สูงขึ้นของธุรกิจโรงกลั่น อีกทั้ง ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดน่าที่จะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ high season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวและโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา (US CGGT) จะเห็นค่าความพร้อมจ่าย (capacity price) ที่สูงขึ้น

นอกจากนี้กลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่และตั้งเป้าทะเยอทะยานในการเพิ่ม EBITDA ให้ได้ 2 เท่าภายในปี 2571 จากปี 2568 ซึ่งจะมาจากทั้งธุรกิจปัจจุบันที่เติบโต (เช่น ธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด และพลังงานชีวภาพ, ธุรกิจต้นน้ำ (OKEA)) รวมถึง การพัฒนาให้ดีขึ้นของธุรกิจซื้อการค้าน้ำมัน (trading) ซึ่งเป็นธุรกิจเรือธง (flagship) ใหม่ของบริษัท   พร้อมประกาศแผนซื้อหุ้นคืนภายใน 3 ปี ในปี 2569-2571