HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,275 และ 1,250 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด เคลื่อนไหวตามส่งออกเดือนส.ค.ถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 1,312.74 จุด ก่อนร่วงหลุด 1,300 จุด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,066 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบ 31.50-32.20 บาท/ดอลลาร์
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (22-26 ก.ย. 68) ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,275 และ 1,250 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านมือสอง รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนส.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ดีดตัวขึ้น โดยยังคงมีแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากรายงานข่าวเรื่องการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และจีนเกี่ยวกับแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นของบริษัทจีน (ซึ่งช่วยคลายกังวลต่อประเด็นตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลงบางส่วน) และการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดช่วงกลางสัปดาห์ ทั้งนี้ปัจจัยบวกกระตุ้นแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มเทคโนโลยี ไฟแนนซ์และค้าปลีก และหนุนให้ SET Index ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 1,312.74 จุด ในระหว่างสัปดาห์
อย่างไรก็ดีหลังจากตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควร SET Index กลับมาแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะปรับตัวลงหลุดแนว 1,300 จุด ในช่วงท้ายสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังทราบผลการประชุมเฟด ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับเฟดส่งสัญญาณระมัดระวังในการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า
ในวันศุกร์ที่ 19 ก.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,292.72 จุด ลดลง 0.07% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,748.98 ล้านบาท ลดลง 2.64% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.34% มาปิดที่ระดับ 255.47 จุด
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.50-32.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าลงตามแรงขายหลังมีรายงานข่าวระบุว่า ทางการอาจพิจารณามาตรการลดผลกระทบจากธุรกรรมทองคำที่มีต่อเงินบาท แต่กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ยังคงขาดแรงหนุนที่ชัดเจนในช่วงก่อนการประชุมเฟดกลางสัปดาห์
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชียและแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังการประชุมเฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดยังระมัดระวังในการประเมินจังหวะการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้ออาจขยับสูงขึ้นในระยะข้างหน้า (dot plot สะท้อนโอกาสการลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ และอีกเพียง 1 ครั้งปีหน้า)
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดด้วยเช่นกัน อนึ่ง ธปท. ระบุว่า ยังไม่เห็นสัญญาณผิดปกติที่สะท้อนการเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งที่ผ่านมา ธปท. ได้เข้าดูแลเพื่อลดความผันผวนของค่าเงินไม่ให้เคลื่อนไหวเร็วและแรงเกินไป
ในวันศุกร์ที่ 19 ก.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 31.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (12 ก.ย.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 15-19 ก.ย. 2568 นั้นขายสุทธิหุ้นไทย 5,066 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 8,506 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 9,416 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 910 ล้านบาท)
