HoonSmart.com>>บลจ.อเบอร์ดีน ชี้ตลาดจับตาไทยเจรจาภาษีการค้าสหรัฐฯ ชี้ทิศทางหุ้นไทย ลุ้นเก็บอัตรา 10% เท่าประเทศเพื่อนบ้าน หนุนดัชนีขึ้นแตะ 1,300 จุด หวังรัฐอัดมาตรการเพิ่มมีลุ้น 1,400 จุด แนะปรับพอร์ตเน้นหุ้นคุณภาพ งบแกร่ง ปันผลสูงหรือมีโอกาสซื้อหุ้นคืน

นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายตราสารทุน-ประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) กล่าวว่า อเบอร์ดีนปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 2568 ลงเหลือ 1.5-2.0% จากประมาณการเดิมที่ 2.7% จากผลกระทบมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด
ปัจจุบัน 3 เสาหลักของเศรษฐกิจไทยถูกกระทบพร้อมกัน จากการส่งออกที่มีสัดส่วนมากถึง 60% ของ GDP ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี ซึ่งน่าจะเห็นผลกระทบชัดเจนในครึ่งปีหลัง และยังไม่รู้ว่าไทยจะใช้เวลาเจราจการค้ากับสหรัฐนานแค่ไหน และจะถูกเก็บภาษีเท่าไร ซึ่งหากสูงกว่าประเทศอื่นก็เป็นความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม คงต้องดูผลกระทบรายกลุ่มรายสินค้า อาทิ กลุ่มอาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรกนิกส์ยกเว้นเซมิคอนดักเตอร์
ขณะที่ภาคการลงทุน หากไทยถูกเก็บภาษีสูงกว่าเพื่อนบ้านอย่างมีนัยสำคัญหรือการเจรจาสหรัฐฯยืดเยื้อ อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติที่จะเข้าลงทุนเลื่อนออก และจากการติดตามข้อมูลจากบริษัทนิคมอุตสาหกรรม พบว่าบริษัทจากจีนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย ซึ่งบางส่วนไม่ได้ส่งออกไปสหรัฐฯเป็นหลัก แต่ต่จะรองรับส่งออกไปตลาดอาเซียน ส่วนอีกกลุ่มส่งออกไปสหรัฐฯ พอสมควรก็มีหลายบริษัทมีการทบทวนแผน แต่ยังไม่ได้ยกเลิก โดยขอดูอัตราภาษีที่สหรัฐฯจะเก็บจากไทยก่อน
อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่าง ดาต้าเซ็นเตอร์ พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และโรงไฟฟ้า
ส่วนภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวจากปัจจัยที่เข้ามากระทบตั้งแต่ต้นปี ทำให้การท่องงเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ลงเหลือ 35.5 ล้านคน ใกล้เคียงปีก่อน โดยปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจากปีก่อนอยู่ที่ 6.7 ล้านคน เหลือ 4-5 ล้านคน ลดลง 25% แต่ไม่ได้ปรับเป้ารายได้ เนื่องจากมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปและอสิราเอล โดยคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวช่วงปลายไตรมาส 3/68 หรือไตรมาส 4/68 เป็นช่วงวันหยุดของจีนอีกครั้ง
ขณะที่หุ้นท่องเที่ยวได้รับผลกระทบไม่มากนัก โดยกลุ่มโรงแรมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนใหญ่จับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์และมีการกระจายหลายเชื้อชาติ แต่ในไตรมาส 2 นี้อาจเห็นตัวเลขลดลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและเซนทิเม้นท์จากภาษีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นโยบายการคลังและการเงินยังพอสนับสนุนเศรษฐกิจได้ และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกหนึ่งครั้งเหลือ 1.5% ในปีนี้ จากลดไปแล้ว 2 ครั้งและต้องติดตามดูว่างบที่เหลือจากโครงการดิจิทัลวอลลเล็ตจะนำไปใช้ได้มีประสิทธิภาพและซัพพอร์ตตลาดได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งทั้งกลุ่มส่งออกไปสหรัฐฯและกลุ่มที่ถูกกระทบจากสินค้าจีนราคาถูก รวมถึงภาคท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่มีส่วนต่อจดีพี
ขณะที่กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) คาดการณ์ไว้ที่ 90 บาท/หุ้นตั้งแต่ต้นปีแล้วและล่าสุด Bloomberg Consensus ก็ปรับลงเหลือ 90 บาท จาก 96-97 บาท ตามสภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลงและท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าคาด และยังมีผลกระทบจากภาษีสหรัฐ ซึ่งยังไม่รู้ว่าไทยจะถูกเก็บอัตราเท่าไร
บลจ.อเบอร์ดีน ประเมินผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย กรณี Best Case หากไทยถูกสหรัฐเก็บภาษี 10% ตลาดจะปรับประมาณการ EPS ลง 5% อยู่ที่ 85-86 บาท/หุ้น
แต่กรณี Worst Case หากไทยถูกสหรัฐเก็บภาษี 36% คาดว่า EPS จะลดลง 15% มาอยู่ที่ 77 บาท/หุ้น
“ปัจจุบันตลาดหุ้นเทรดบนพี/อี 13 เท่าระดับดัชนี 1,200 จุด หากสหรัฐฯ เก็บภาษีทุกประเทศในอัตราเดียวกันที่ 10% ยกเว้นจีน มองว่าจะเป็นข่าวดี ภาพตลาดจะกลับไปเทรดที่ Forward P/E 15 เท่าได้ โอกาสที่ดัชนีจะขึ้นไป 1,300 จุด น่าจะเห็นการรีบาวด์ของหุ้นไทย กรณีเก็บ 10% แต่ธปท.และรัฐบาลพยายามออกมาตรการกระตุ้นเพื่อซัพพอร์ตเศรษฐกิจก็มีโอกาสที่ตลาดจะแรลลี่ขึ้นไปเทรดที่ Forword P/E 16-17 เท่า ก็มีโอกาสถึง 1,400 จุดได้”นางสาวดรุณรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตามกรณีเลวร้ายไทยถูกเก็บภาษี 36% และไม่มีมาตรการออกมาช่วยอาจทำให้กำไรบจ.ถูกปรับลดลงเหลือ 77 บาท/หุ้น P/E ที่ 11-12 ท่า ดัชีนีจะลงมาแถว 900-1,000 จุด แต่คาดว่าไม่น่าลงอยู่นาน รัฐคงต้องใช้นโยยายการเงินการคลังมาช่วยและตลาดก็น่าจะรีบาวด์ได้
“พอร์ตการลงทุนในช่วงนี้เน้นกลุ่ม Defensive เน้นคุณภาพ งบดุลแข็งแกร่ง มีการจ่ายปันผลดีหรือมีโอกาสซื้อหุ้นคืนในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มธนาคาร โรงไฟฟ้า สื่อสารและเฮลธ์แคร์ โดยลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มเชื่อมโยงกับวัฎจักรเศรษฐกิจ ส่วนหุ้นขนาดเล็ก กลุ่มคอมมูนิเคชั่นเซอร์วิสและเพิ่มไฟแนนซ์ในบริษัทที่มีความสามารถในการเก็บหนี้ได้มาก
อ่านข่าวอื่นๆ
“บลจ.อเบอร์ดีน” ลดลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ชูกลยุทธ์ Income-Quality ฝ่าผันผวน
