“จรัญฯ”ตั้งเป้าปี’67 เบี้ยโต 10% จ่อขายประกันออนไลน์

HoonSmart.com>>จรัญประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปี 2567 เติบโต 10% เล็งเปิดช่องทางขายผ่านออนไลน์ คาดการแข่งขันราคาปีนี้ลดลง พร้อมขอผู้ถือหุ้นปันผลหุ้นละ 1.25 บาท คุมอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนไม่ต่ำกว่า 200%

บริษัทจรัญประกันภัย (CHARAN) รายงานว่า ปี 2567 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปี 2566 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 301.62 ล้านบาท และกำหนดให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนไม่ต่ำกว่า 200%

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มช่องทางการขายทางออนไลน์ ด้วยการว่าจ้างบริษัทภายนอกประเมินและรับรองการทำงานภายในบริษัทให้สามารถเสนอขายกรมธรรม์ออนไลน์ควบคู่ไปกับการขายกรมธรรม์แบบ E-Policy พร้อมกับยื่นขอรับความเห็นชอบในแบบและข้อความกรมธรรม์รวมถึงอัตราเบี้ยประกันภัยชนิดใหม่ และจะมีการขยายช่องทางการขายประกันภัยรถยนต์ ทั้งภาคสมัครใจ และภาคบังคับ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นการขยายตลาดด้านการประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ดให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ลดต้นทุนการดำเนินงาน ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ด้านฐานะทางการเงิน บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่สำรองตามกฎหมาย (Capital Adequacy Ratio: CAR) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 ที่ 211.84% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 140% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าเชื่อถือ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับสภาวะวิกฤตต่างๆ ก็ตาม

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯรับรู้รายได้รวม 301.62 บาท ลดลง 37.74% จากปีก่อน สาเหตุหลักเนื่องจากธุรกิจประกันภัยมีการแข่งขันสูง ส่งผลให้รายได้จากเบี้ยประกันภัยรับลดลง ขณะที่รายได้จากการลงทุนปรับตัวลดลงอยู่ที่ 3.34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคาตัดจำหน่าย ดอกเบี้ย และ ภาษีอยู่ที่ 2.54% และบริษัทรับรู้กำไรสุทธิ 26.97 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.25 บาท จากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 3.57 บาท

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันพุธที่ 24 เมษายนนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข่งขันด้านราคาเบี้ยประกันภัยจะมีความรุนแรงน้อยลง เนื่องจากจำนวนคู่แข่งลดลงจากการปิดตัวของบริษัทประกันภัย ภายหลังประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด รวมทั้งบริษัทประกันภัยหลายแห่งยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากการรับประกันภัยอย่างหนัก ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งทางสถานะทางการเงินและความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัยมากกว่าการพิจารณาด้านราคาเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้บริษัทประกันภัยมีแรงจูงใจลดลงในการแขางขันด้านราคา

นอกจากนี้ บริษัทยังคงรักษาสถานะภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีหนี้สินรวมลดลง 20.08% เป็ฯ 40.01 ล้านบาท ส่วนของเงินสดและเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องยังคงมีเพียงพอ ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.64 เท่า แสดงถึงความสามารถที่แข็งแกร่งของบริษัท