ลิเบอเรเตอร์ เปิดแผนเพิ่มวอลุ่มเทรด ดันธุรกิจสู่จุดคุ้มทุนปี’68

HoonSmart.com>>ลิเบอเรเตอร์ ตั้งเป้าเข้าสู่จุดคุ้มทุนปี’68 เดินหน้าขยายฐานลูกค้า เชื่อมต่อชุมชนนักลงทุนไทยผ่านโครงการ THE GAIN เติมสินทรัพย์ หุ้นจีน กองทุนรวม ให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการบริหารความเสี่ยงครอบคลุมทุกสถานการณ์ เน้นใช้ไลฟ์แพลตฟอร์มกระจายความรู้ กระตุ้นวอลุ่ม แทนการเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้ง ยันเกณฑ์คุมพฤติกรรมเทรดกระทบน้อย 

บล.ลิเบอเรเตอร์(Liberator:LIB) โบรกเกอร์ออนไลน์น้องใหม่ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2566 ให้นักลงทุนซื้อ-ขาย หรือ เทรดหุ้น ผ่านแอปพลิเคชั่น ลิเบอเรเตอร์ เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยี สามารถลดต้นทุนด้านจำนวนคน จำนวนสาขา อุปกรณ์ต่างๆ และช่วยให้ต้นทุนค่านายหน้าซื้อ-ขายหุ้น หรือค่าธรรมเนียมเทรด ลดลง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยปีแรกฟรีค่าธรรมเนียมเทรด

ปัจจุบันผ่านมาได้ 1 ปี 3 เดือน มีลูกค้าที่โหลดแอปพลิเคชั่นแล้ว 300,000 ราย และมีบริการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่น และผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด หรือ มาร์เก็ตติ้ง ควบคู่กัน มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยราว 800 ล้านบาทต่อวัน มีส่วนแบ่งการตลาดจัดอยู่อันดับที่ 20-25 ของอุตสาหกรรม และในช่วงที่มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นขึ้นไปถึงระดับ 4 หมื่นล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของบล.ลิเบอเรเตอร์ ขึ้นไปถึง 1,200  ล้านบาทต่อวัน ส่วนตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับที่ 1 ถึง 10 ของอุตสาหกรรม โดยที่ไม่มี HFT

ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้โปรโมทบัญชีมาร์จิ้น หรือ บัญชีเครดิต แต่มีพร้อมให้ใช้ ซึ่งมีลูกค้าใช้บ้างแต่ไม่มากประมาณ 20%-30% ส่วนใหญ่เป็นการเทรดด้วยบัญชีเงินสด เพราะบริษัทเปิดตัวมาด้วยการเทรดโดยไม่มีค่าธรรมเนียม

“เราเปิดมาได้ปีเดียว ถือว่าเราได้รับการตอบรับดี เพราะแอปฯซื้อขายหุ้นเรา เป็นแพลตฟอร์มของเราเอง โดยไม่ได้พึ่งสตรีมมิ่ง ถือว่าเราโตเร็ว”น.ส.ภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ กล่าว

น.ส.ภาวลิน กล่าวว่า ปี 2567 บริษัทเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมในการเทรดหุ้นมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่าย หรือ LIBFAM โดยที่วอลุ่มไม่ได้ลด

ฉะนั้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้ที่เพิ่มกว่าปี 2566 แบบคนละเรื่องเลย แต่ไม่สามารถบอกตัวเลขได้ และถ้าไม่มีเหตุการณ์ หรือ สถานการณ์ที่รุนแรง เช่น ไม่เกิดสงคราม บริษัทอาจจะถึงจุดคุ้มทุนในการทำธุรกิจได้ภายในปี 2568

สำหรับ แผนธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะมีการขยายชุมชนการลงทุนให้กว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการเพิ่มสินทรัพย์ให้ครอบคลุม เพื่อให้นักลงทุนได้ใช้ในการบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนในแต่ละช่วงจังหวของทุกสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน เพิ่มหุ้นต่างประเทศที่มีโอกาสเติบโตและอยู่ในความสนใจของนักลงทุน สร้างองค์ความรู้ผ่านไลฟ์แพลตฟอร์มให้นักลงทุนนำไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่ง เพราะการฝากเงินเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ

เชื่อม 3 บริษัทขยายชุมชนนักลงทุน

น.ส.ภาวลิน กล่าวว่า บริษัทฯได้ร่วมกับบริษัทซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค ทำโครงการ “THE GAIN”ที่สุดของโครงการหุ้นแห่งปี 2024 โดยมี บริษัทบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง และ เทรดดิ้งวิว เป็นผู้สนับสนุนหลัก จัดการแข่งขันเทรดหุ้น โดยมีระยะเวลา 6 เดือน 24 ครั้ง ทั้งในห้องเรียน ซึ่งรับได้ 200 คน ทุกๆ วันเสาร์ ที่ตึก FYI และผ่านแพลตฟอร์มไลฟ์ของลิเบอเรเตอร์

ตลอดโครงการจะมีการให้องค์ความรู้ ด้านการเงิน การลงทุน และสินทรัพย์ดิจิทัล ทอง และอื่นๆ มีการปฏิบัติจริง หรือการเทรดหุ้นจริงๆ แก่ผู้สมัครเข้ามาร่วมโครงการ โดยเทรดเดอร์และนักลงทุนชั้นนำมากประสบการณ์ของประเทศกว่า 30 คน ที่มีสไตล์การเทรดที่แตกต่างกัน และมีการเทรดในสินทรัพย์ที่แตกต่าง ทั้งในและต่างประเทศ มาเป็นโค้ชสอน และแชร์ประสบการณ์ทุกๆ สัปดาห์ รวมถึงเข้าไปดูบทวิเคราะห์ของเทรดดิ้งวิวได้ฟรี

เชื่อว่า เมื่อจบโครงการ 6 เดือน นักลงทุนจะพบวิธีการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับตัวเองได้อย่างแน่นอน

“การที่เราร่วมมือกับทางบริษัทซุปเปอร์เทรดเดอร์ ทางผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร คือ พี่ซัน-กระทรวง จารุศิระ รู้จักกับนักลงทุนรายใหญ่ ก็เชิญ เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิระพงศ์ และ เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง เข้ามาสอน คลาสแรก ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ ในหัวข้อ First Navigation To Success เรื่องแนวคิดด้านการลงทุน โดยสมาชิกของ LIBFAM สามารถเข้ามาชมผ่านแพลตฟอร์มได้”น.ส.ภาวลิน กล่าว

น.ส.ภาวลิน กล่าวว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการได้ ต้องเปิดบัญชีเทรดหุ้นกับบริษัท เมื่อเข้ามาแล้วจะร่วมแข่งขัน หรือ ไม่เข้าร่วมแข่งขัน เพียงอยากจะเข้ามาเรียนรู้ก็ได้ แต่ต้องทำการแจ้งวัตถุประสงค์ เพื่อจะได้จัดแยกบัญชีออกมาต่างหาก

ส่วนวงเงินเปิดบัญชีที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน และรางวัล อยู่ระหว่างการพิจารณา และต้องให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) อนุมัติด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯได้เปิดให้มีการสมัครเข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันมีผู้เปิดบัญชีแล้ว 5,000 ราย จากเป้าหมายที่วางไว้ 10,000 คน และจะเปิดรับสมัครต่อไปอีก 1 เดือน ซึ่งจะใช้โอกาสนี้รับฟังปัญหาของลูกค้าที่เข้ามาใช้ระบบของบริษัท และทำการปรับปรุงให้ดีและตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

“การเข้าร่วมโครงการนี้ จะทำให้นักลงทุนมีเพื่อน มีโค้ช ในการแชร์ประสบการณ์ และให้คำแนะนำ ช่วยดูพอร์ตให้ ปรับโครงสร้างพอร์ตให้เหมาะสม ดีกว่าเทรดคนเดียว จะทำให้มีโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนได้ดีกว่า”น.ส.ภาวลิน กล่าว

หาบ่อปลาใหม่

น.ส.ภาวลิน กล่าวว่า การสร้างชุมชนนักลงทุน เป็นการหาบ่อปลาใหม่ จากกลุ่มคนที่ยังไม่เข้าสู่ตลาดหุ้น เพราะยังไม่เข้าใจเรื่องการลงทุน และคิดว่าตลาดเป็นเรื่องยาก ก็จะมีการสร้างชุมชนนักลงทุนผู้หญิง She Invest หรือ ชีอินเวสท์ ขึ้นมาในกลางเดือนพ.ค.นี้ ควบคู่กับโครงการ THE GAIN เพื่อจัดกิจกรรมให้เหมาะกับผู้หญิง เพราะความสนใจ และลักษณะการเทรดของผู้หญิง จะแตกต่างจากผู้ชาย

ผู้หญิงก็อยากลงทุน แต่ยังไม่อยากเข้าหุ้นเลยทันที จึงจะมีการเปิดแพลตฟอร์มหน้ากองทุนขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมจะเทรดหุ้น ก็มาลงทุนในกองทุนไปก่อน แต่อย่างน้อยได้เริ่ม

ภายในสิ้นปีนี้ แพลตฟอร์มลงทุนจะต้องมีสินทรัพย์ครบ กองทุนรวม มีหุ้นจีนหรือหุ้นต่างประเทศอื่นๆ ที่ลูกค้าอยากได้ เพื่ออย่างน้อยลูกค้าจะได้สับเปลี่ยนพอร์ตได้ ในช่วงที่เทรดหุ้นไทยไม่ได้เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ก็ไปเทรดหุ้นสหรัฐอเมริกา หรือสินทรัพย์อื่นๆ ได้ โดยต้องการที่จะมีสินทรัพย์ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า เพื่อให้สามารถนำไปบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุนในแต่ละช่วงจังหวะได้ จะได้เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า

หนุนไลฟ์แพลตฟอร์มเพิ่มวอลุ่มเทรด

น.ส.ภาวลิน กล่าวว่า ในการเพิ่มวอลุ่มการเทรดหุ้นของบริษัท จะไม่มีการเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้ง เพื่อให้ได้จำนวนลูกค้าเพิ่ม เพราะถือว่าเป็นต้นทุนที่สูงมาก คิดเป็น 50% ของต้นทุนโบรกเกอร์ และหากตลาดหุ้นไม่ดี จะกลายเป็นต้นทุนที่บริษัทจะต้องลดอันดับแรกๆ

ทางบริษัทฯไม่มีนโยบายที่จะลดคนในอนาคต จึงเน้นการใช้ไลฟ์แพลตฟอร์ม และทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในตลาด ดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการกับบริษัทเพิ่มมากขึ้น และดึงพันธมิตรมาร่วมกันพัฒนาบริการ โดยให้นักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน มาเป็นวิทยากร ให้ความรู้แก่ประชาชน

ทั้งนี้ วิทยากรที่มาให้ความรู้ จะจัดให้ตรงกับแต่ละสถานการณ์การลงทุน ทั้งด้านสินทรัพย์ จังหวะ และตลาดหุ้นไหนน่าสนใจ เพื่อที่ลูกค้าและผู้ชม สามารถนำไปปรับใช้ในการลงทุนได้

บริษัท กำลังจะเพิ่มหุ้นสหรัฐอเมริกา ในไลฟ์ตอนเช้าด้วย ก็ได้มีการปรับทีมคอนเทนต์ใหม่ เพื่อให้มีคอนเทนต์ของหุ้นสหรัฐอเมริกามากขึ้น และเรื่องการกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดพอร์ตสินทรัพย์ลงทุน หรือ asset allocation ก็มีเรื่องคริปโตฯทุกวันพฤหัสฯ เมื่อไหร่ที่มีสินทรัพย์มากขึ้น ก็จะมีการให้ความรู้มากขึ้น ส่วนเรื่องกองทุน ได้ชวนพาร์ทเนอร์มาแล้ว

“ซึ่งในวันที่ 2 มิถุนายน จะมีการจัดลิเบอเรเตอร์ ออน สเตท ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หนึ่งในเนื้อหาจะนำมาพูดคือ asset allocation และจะเปิดตัวกองทุนด้วย”น.ส.ภาวลิน กล่าว

เกณฑ์คุมพฤติกรรมเทรดกระทบน้อย

สำหรับ การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และ ก.ล.ต.ออกเกณฑ์ควบคุมพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสมออกมาเพิ่มเติมนั้น

น.ส.ภาวลิน กล่าวว่า กระทบต่อวอลุ่มการซื้อ-ขาย และลูกค้าของบริษัทน้อยมาก เพราะมีการติดตาม และมีการสอดส่องดูแลอยู่แล้ว หากมีลูกค้าเทรดผิดปกติ ทางก.ล.ต.จะทำการเตือน ในส่วนของบริษัทฯจะมีการล็อควงเงินสินเชื่อ ให้เทรดด้วยเงินสดเท่านั้น และลดวงเงินตามขั้นบันใด หากยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ก็จะถูกปิดพอร์ต

ถึงปัจจุบัน ยังไม่มีลูกค้าของบริษัทถูกปิดพอร์ต เพียงแต่ถูกลดวงเงินเท่านั้น และมีไม่ถึง 10 ราย ซึ่งเรื่องนี้ทุกโบรกเกอร์โดนหมด

“เมื่อตลาดเล่นยากมากขึ้น คนที่กระทบสุดคือ มาร์เก็ตติ้ง เพราะฐานเงินเดือนไม่สูง แต่กินจากค่าคอมฯ ทำให้มาร์เก็ตติ้งระส่ำ แต่ถ้าโบรกเกอร์ที่เน้นเทรด HFT เน้นบ็อต วอลุ่มจะสูง มาร์เก็ตแชร์สูง โบรกฯที่เน้นสถาบัน ก็จะยืนได้ด้วยรายได้สถาบัน แต่เราเน้นรายย่อยมากๆ และไม่ได้เน้นจำนวนมาร์เก็ตติ้ง ไม่กระทบเท่าไหร่จากมาตรการดังกล่าว”น.ส.ภาวลิน กล่าว